Thursday, July 7, 2011

พิมมาลา ตอนที่ ต

หลังคุยงานกับฟ้างามเสร็จ เพรียวกับน้ำนวลก็กลับออกมาพร้อมกัน

“เวลาผ่านไปเร็วจังเลยนะครับ ไม่ทันไรคุณน้ำก็จบปริญญาโทมาเป็นผู้ช่วยผมซะแล้ว”

น้ำนวลวางหน้าเรียบนิ่งไม่พูดอะไร จนเขาพูดประโยคต่อไปจึงได้จังหวะตอบโต้

“คุณน้ำเปลี่ยนไปมากเลยนะครับ นี่ถ้าผมเห็นคุณน้ำข้างนอกคงจำไม่ได้ เอางี้นะครับ สวยขึ้นผิดหูผิดตา”

“ขอบคุณค่ะ น้ำเองก็พยายามอยู่นาน เพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น ไม่ใช่คนเปิ่นๆเชยๆเหมือนเมื่อก่อน เพราะคนเราชอบตัดสินกันที่รูปลักษณ์ภายนอกก่อนไม่ใช่เหรอคะ”

เพรียวหน้าเจื่อน เจอย้อนแบบนี้ก็พูดไม่ออก...ช่วงนี้เองแวนเดินเข้ามาเรียกน้ำนวล ชวนไปหาอะไรกิน เพรียวมองหน้าไอ้หนุ่มมาดเซอร์คนนี้ก็จำได้ว่าเป็นลูกไฮโซคนดัง

“คุณเพรียวคะ นี่คุณจิตติวัฒน์ สักกบุตร แฟนน้ำค่ะ” น้ำนวลแนะนำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพรียวรู้สึกหมั่นไส้อย่างไม่มีสาเหตุ คิดในใจว่าน้ำนวลเอาแฟนมาอวด แนะนำซะเต็มยศ กลัวไม่รู้ว่ามีแฟนเป็นลูกรัฐมนตรี

“สวัสดีครับ คุณจิตติวัฒน์ ผมเคยเห็นข่าวคุณตามหน้าสังคมมานานแล้ว เพิ่งจะได้เจอตัวจริงวันนี้เอง”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกผมแวนก็ได้พี่”

เพรียวปั้นยิ้มกวาดตาสำรวจแวนตั้งแต่หัวจดเท้า หมั่นไส้ที่ใส่แบรนด์เนมทั้งตัว

“แวนเขาจบที่เดียวกับน้ำค่ะ คุณพ่อคุณแม่ของแวนท่านจะให้แวนทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แวนขอคำแนะนำจากคุณเพรียวได้เลยนะ” น้ำนวลตั้งใจข่มและอวดแฟน แต่แวนกลับทำให้เธอหน้าแตก

“โอ๊ย แวนไม่ทำหรอกนะน้ำ กินดอกเบี้ยแบงก์อย่างงี้ก็ดีอยู่แล้ว รับรองสมบัติที่พ่อแม่ทำมาไม่หายไปไหน ทำ

ไปเกิดเจ๊งขึ้นมาก็โดนด่าอีก แวนไม่เอาหรอก”

น้ำนวลรีบปั้นยิ้ม บ่นแวนว่าชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย แต่แวนก็ยังทำให้เธอเจื่อนหนักเข้าไปอีก

“แวนพูดจริง น้ำก็รู้ว่าแวนขี้เบื่อจะตาย อย่าว่าแต่งานเลย เรื่องเรียนก็เหมือนกัน ถ้าน้ำไม่บังคับแวนอ่านหนังสือ แวนก็ไม่จบหรอก”

เพรียวก้มหน้าเล็กน้อยแอบอมยิ้ม น้ำนวลฝืนปั้นยิ้มไปมารู้สึกว่าแฟนตนไม่เอาไหน แอบหยิกเขาให้หยุดพูด

“โอ๊ย น้ำมาหยิกแวนทำไมเนี่ย”

เพรียวกลั้นหัวเราะ และคิดในใจ “สงสัยจริงจริ๊ง ผู้หญิงสวยขึ้นนี่ต้องโง่ขึ้นด้วยเหรอวะ”

ขณะนั้นเอง ดลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเพรียว บอกว่าดารณีจะโดดตึก ตอนนี้อยู่บนดาดฟ้า เพรียวจึงรีบตาม

ดลไป โดยมีน้ำนวลกับแวนก้าวตามไปด้วย

ดารณีร้องไห้สะอึกสะอื้นยืนริมขอบตึกน่าหวาดเสียว พนักงานหลายคนร้องห้าม มีนักข่าวจำนวนหนึ่งคอยเก็บภาพทำข่าว และตำรวจคอยกล่อมเธอให้ใจเย็นๆ เมื่อเพรียววิ่งเข้ามาดารณีก็ยิ่งร้องไห้ใหญ่ รำพันตัดพ้อต่อว่าเพรียวที่ทำให้เธอเสียใจ

“ดาใจเย็นๆนะ ดาจะทำอะไรคิดถึงแม่บ้าง แม่ดาเขาหวังฝากผีฝากไข้กับดานะ”

“พี่เพรียวไม่ต้องมาพูดดีเลย เพราะพี่นั่นแหละ พี่เห็นดาเป็นของเล่น เห็นความรักของดาไม่มีความหมาย รู้มั้ยว่าดาทุ่มเทให้พี่มากขนาดไหน ทำไมพี่ถึงทำกับดาแบบนี้”

เพรียวฝืนยิ้มแหยๆ ที่ทุกคนหันมามองตน นักข่าวมันมือถ่ายภาพทั้งดารณีและเพรียวไว้เพียบ

“พี่ยอมรับว่าพี่ไม่ใช่คนดีอะไร แล้วดาจะเอาชีวิตของดามาทิ้งเพราะคนอย่างพี่ทำไม คุณแม่ดาท่านไม่มีใครแล้วนะนอกจากดา ไม่มีดาแล้วท่านจะอยู่ยังไง”

ดารณีปล่อยโฮทันที ตำรวจฉวยโอกาสตรงเข้าชาร์จแล้วล็อกตัวดารณีพากลับมาในที่ปลอดภัยได้สำเร็จ ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน

ooooooo

ผลพวงจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้เพรียวถูกฟ้างามเรียกมาตำหนิในวันรุ่งขึ้น

“เธอเห็นข่าวมั้ยเพรียว ข่าวออกแทบทุกสื่อ พนักงานระดับสูงของเซนซูยาเป็นพวกเสือผู้หญิง ภาพพจน์ห้างเราเสียหายหมด และโดยส่วนตัวแล้วพี่เกลียดเรื่องแบบนี้ที่สุด”

เพรียวจ๋อยสนิท น้ำนวลที่นั่งเงียบอยู่ข้างฟ้างามอดเหล่มองเพรียวด้วยสีหน้าเห็นใจไม่ได้

“นี่ยังดีนะที่ดารณีไม่โดดลงไปจริงๆ ไม่อย่างงั้นเรื่องจะแย่หนักกว่านี้”

“ผมเองก็เสียใจครับ เมื่อกี๊ผมก็เพิ่งไปเยี่ยมดาที่โรงพยาบาลมา ผมไปขอร้องเขาว่าอย่าวู่วามแบบนี้อีก”

“ที่จริงพี่ก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอหรอกนะเพรียว แต่พี่ก็ได้รับบัตรสนเท่ห์เกี่ยวกับพฤติกรรมเรื่องผู้หญิงของเธอมาเป็นระยะๆ คราวนี้พี่คงมองข้ามต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ”

น้ำนวลแอบทิ้งค้อนใส่เพรียวอยู่ในที เพรียวไม่พอใจฟ้างามและนึกอายน้ำนวลจึงโพล่งออกไป

“ถ้าคุณฟ้างามเห็นว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก งั้นผมขอรับผิดชอบด้วยการลาออกก็แล้วกันครับ” พูดไปแล้วแอบมั่นใจว่าฟ้างามต้องหงอง้อเพราะตนเก่ง แต่เพรียวคิดผิดถนัด คำพูดถือดีของเพรียวกลับทำให้ฟ้างามยิ่งโกรธ

“ถ้าคุณคิดดีแล้วก็ตามใจคุณแล้วกัน”

เพรียวอึ้งไปเลย ไม่คิดว่าฟ้างามจะไม่ง้อตน น้ำนวลหน้าเสีย ท้วงทันที

“น้างามคะ ไม่ลงโทษแรงไปเหรอคะ พี่เพรียวทำงานให้เรามานาน ผลงานก็เยอะแยะไปหมด ไม่น่าจะถึงขั้นให้ออกเลยนะคะ”

เพรียวไม่คิดว่าน้ำนวลจะออกรับแทนตน แถมยังกลับมาเรียกตนว่า “พี่เพรียว” อีกครั้ง แทนคำว่า “คุณเพรียว” ด้วย

“น้าไม่ได้ให้ออกนะ มันเป็นการตัดสินใจของเพรียวเขาเองต่างหาก”

เพรียวขบกรามแน่น เกิดทิฐิไม่ยอมแพ้ขึ้นมา “ครับ ผมตัดสินใจเอง ผมจะเขียนใบลาออกวันนี้เลยครับ” พูดจบก็ยกมือไหว้แล้วเดินออกไปทันที ฟ้างามได้แต่ถอนใจ นึกเสียดายคนมีฝีมืออยู่เหมือนกัน

ooooooo

ใช่แต่โดนฟ้างามเล่นงานจนบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพรียวไปหาเต็มตาที่โรงแรมก็ถูกเธอเฉ่งเข้าให้อีก

“นี่ถ้าเด็กคนนั้นไม่โดดตึก เต็มก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่าแฟนตัวเองทำอะไรลับหลังเต็มไว้บ้าง คุณเห็นเต็มเป็นตัวอะไร”

“ผมขอโทษเต็ม ผมจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ผมลาออกจากเซนซูยาแล้วนะ ต่อไปเต็มก็สบายใจได้

ผมกับดาจะไม่ได้เจอกันอีก”

จากที่โกรธกลายเป็นตกใจสุดๆ “ลาออกแล้วเพรียวจะไปทำงานอะไร เงินเดือนสูงขนาดเพรียวไม่ได้หางานใหม่ ได้ง่ายๆนะ”

“ผู้บริหารเขม่นผมแบบนั้น แป้กแหงๆ ผมทนทำต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะเต็ม”

“เต็มก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะ เต็มเป็นผู้หญิงทำงานเก่ง ได้โล่ ได้รางวัลเต็มตู้ไปหมดคุณก็เห็น เต็มอายค่ะที่จะมีแฟนตกงานเพราะถูกไล่ออก”

“ผมลาออกเอง”

“มันก็ว่างงานเหมือนกันนั่นแหละ เอางี้แล้วกัน เราห่างกันซักพัก จนกว่าคุณจะได้งานที่มั่นคงทัดเทียมกับเต็ม แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่” เต็มตาสะบัดจากไป ทิ้งเพรียวยืนคอตกจ๋อยสนิท

เพรียวยังไม่กลับออกจากโรงแรม เข้าไปในร้านอาหารกึ่งผับสั่งเหล้ามาดื่มแก้เครียดแก้เซ็ง พอมึนได้ที่ก็บ่นกับตัวเองประชดชีวิต

“วันนี้มันวันอะไรของมันวะ ตกงาน โดนผู้หญิงทิ้ง 3 เด้ง...ซวยบัดซบ”

ทันใดนั้นเองรัมภาก็ปรากฏตัวตรงหน้า ทำเอาเพรียวแทบหายเมา แววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ

“คุณรัมภา...เราเจอกันแบบไม่คาดฝันอีกแล้วนะครับ คราวเนี้ยผมจะจับตัวคุณไว้เลย เดี๋ยวจะหายตัวหนีผมไปอีก”

รัมภายิ้มบางๆ นั่งลงตรงข้ามเขา “รับรองว่านับจากวันนี้ ฉันจะไม่หนีคุณไปไหน คุณนั่นแหละจะเป็นฝ่ายอยากไล่ฉันเอง”

“ผมจะไล่คุณได้ยังไงครับ คุณรู้มั้ยวันนี้เป็นวันที่ซวยที่สุดในชีวิตผมเลย มีแต่เรื่องเลวร้ายทั้งนั้น...มีโชคดีก็เรื่องเดียวที่ได้เจอคุณอีก”

“จริงเหรอคะ...ฉันมีเรื่องอยากถามคุณข้อนึง”

“หลายๆข้อก็ได้ครับ”

“ถ้าเกิดมีผู้หญิงคนนึงโชคร้ายเพราะความสวยของตัวเอง ไม่ว่าจะไปไหนก็ตกเป็นวัตถุทางเพศให้ผู้ชายจับจ้องตลอดเวลา คุณจะช่วยเธอยังไงคะ”

“ผมก็จะคอยเป็นกำลังใจให้เธอเข้มแข็ง แล้วถ้าผมได้อยู่ใกล้ๆกับเธอ ผมก็จะเป็นคนปกป้องดูแลเธอเอง” ไม่พูดเปล่า เลื่อนมือมาจะกุมมือสาวสวย แต่เธอชักมือหนีอย่างรู้ทัน

“ฉันอยากฟังคำนี้แหละค่ะ ไปเดินเล่นกันมั้ยคะ ที่นี่อึดอัดจังเลย”

เพรียวตอบรับด้วยความดีใจ รีบหยิบเงินวางบน

โต๊ะ ขณะเดินตามเธอไปก็คิดในใจว่าคืนนี้โชคดีได้อิ่ม

อร่อยแน่ แต่หารู้ไม่ว่าเขากำลังคิดผิด ความโชคร้ายต่างหากที่กำลังจะมาเยือน

เดินตามกันไปสักครู่ เพรียวชักแปลกใจถามเธอว่า “นี่เราจะไปไหนกันครับเนี่ย ผมจำได้ว่าที่จอดรถมันอยู่อีกด้านนึงไม่ใช่เหรอครับ”

“ตามมาเถอะค่ะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

รัมภาเดินเลี้ยวไปทางสวนของโรงแรม พอพ้นแนวต้นไม้เพรียวก็แทบช็อก เมื่อเห็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ปลูกอยู่ริมทะเลสาบสีเงินยวง พื้นน้ำใสดั่งกระจก ตัวสวนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์สวยจับตา แถมเห็นภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังทะเลสาบ บนยอดเขาเต็มไปด้วยหิมะปกคลุม

“นี่มันที่ไหนกันน่ะคุณรัมภา ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าที่นี่เป็นสวนของโรงแรม”

“คุณเข้าใจถูกแล้วค่ะ สวนของโรงแรมที่ไหนมันจะงดงามเทียบเท่ากับสวนขวัญเชิงเขาไกรลาสแห่งนี้ได้ มนุษย์น้อยคนนักที่เคยล่วงล้ำเข้ามา คนสุดท้ายก็คือท้าวอิลราช ที่ต่อมาต้องกลายเป็นนางอิลายังไงล่ะคะ”

“นี่มันเรื่องในละครเวทีที่ผมเคยดูมานี่ครับ คุณรัมภาก็ไปดูเหมือนกันเหรอครับ”

“ฉันเคยอยู่เลยล่ะค่ะ”

“คุณรัมภานี่มีอารมณ์ขันจริงๆเลยนะครับ”

“ฉันกำลังจะบอกคุณว่าสวนขวัญแห่งนี้มีคำสาป สวนขวัญเชิงเขาไกรลาสเป็นสถานที่ส่วนตัวขององค์พระศิวะมหาเทพและพระชายา ห้ามมิให้ชายใดย่างกรายเข้ามา มิว่าทวิบาทหรือจตุบาท ตั้งใจหรือมิตั้งใจก็ต้องกลับกลายเป็นหญิงไปด้วยคำสาปแห่งองค์”

ความกลัวบางอย่างตามสัญชาตญาณแล่นขึ้นมาจับใจเพรียวทันที

“นี่คุณหมายความว่า...” เพรียวพูดออกไปเป็นเสียงผู้หญิง...เขาตกใจมาก ยกมือขึ้นกุมคอตัวเอง

“คุณเห็นสัตว์ในสวนนี้แล้วใช่มั้ย ไม่มีตัวผู้ซักตัว ก็เพราะมันกลายร่างเป็นเพศเมียไปหมดแล้วยังไงล่ะ เหมือนที่ท้าวอิลราชกลายเป็นนางอิลา และคุณ...ก็กำลังจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด”

หมอกค่อยๆลงจัด พริบตาเดียวทั้งตัวรัมภาและสวนขวัญก็กลืนหายไปในหมอกจนมองไม่เห็นอะไรเลย เพรียวกลัวสุดขีดตะโกนลั่นออกมา แต่เสียงนั้นก็เป็นผู้หญิงอยู่อีก

“ผู้หญิงสวยที่สุดคนนั้นชื่อพิมมาลา...จำไว้...พิมมาลา” สิ้นเสียงรัมภา ร่างของเพรียวถูกกลืนหายไปในสายหมอกจนหมดสิ้นพร้อมเสียงร้องตกใจขอความช่วยเหลือของพิมมาลา จากดังลั่นค่อยๆเบาจนเงียบหายไป...

ภายในห้องคอนโดฯเพรียว เป็นเวลาเช้าแล้วเพรียวตื่นนอนและพบว่าตัวเองเป็นผู้หญิง สรีระร่างกายมีส่วนเว้าส่วนโค้งเป็นผู้หญิงโดยแท้ เขาส่ายหน้าไปมาไม่ยอมรับ วิ่งไปยืนหน้ากระจกในห้องน้ำ ภาพที่ปรากฏคือสาวสวยคนหนึ่งกำลังยืนช็อกที่เห็นใบหน้าตัวเอง

“ไม่จริง...เรากำลังฝันอยู่ มันไม่เป็นความจริง”

แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ความจริงเวลานี้ก็คือไม่มีร่างนายเพรียวอีกแล้ว มีแต่หญิงสาวที่ชื่อพิมมาลาที่รูปร่างหน้าตาสวยสะดุดไม่ใช่เล่น

เมื่อทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนก็จำได้ว่าใครคือตัวการทำให้เกิดเรื่องแปลกประหลาดกับชีวิตตน พิมมาลาในท่วงท่าผู้ชายจึงกลับออกมาที่ห้องโถงด้วยความแค้นสุดๆ

“รัมภา ออกมาเดี๋ยวนี้นะ คุณเล่นตลกอะไรเนี่ย จะมาทำกับผมยังงี้ไม่ได้นะรัมภา”

ขาดคำ นางฟ้ารัมภาก็ปรากฏตัวในชุดแม่บ้านฝรั่ง ฟาดทัพพีไม้ในมือเข้าที่หัวพิมมาลาดังโป๊ก

“ทำไมจะไม่ได้ยะ อุตส่าห์สาปให้อยู่ในร่างสวยๆแล้วยังจะเรื่องมากอีก เดี๋ยวก็สาปให้เป็นไส้เดือนกิ้งกือซะเลยนี่ จะว่าไปนายสวยกว่านางอิลาอีกนะเนี่ย แต่เซ็กซี่เย้ายวนน้อยกว่าฉันหน่อย”

“ต๊องรึเปล่าวะ...หยุดพูดบ้าบอซะทีนะรัมภา นี่ตกลงคุณเป็นใครกันแน่ เป็นปิศาจซาตานจากนรกขุมไหนถึงได้มาทำกับผมแบบนี้”

รัมภาโกรธ ใช้ทัพพีตีหน้าผากพิมมาลาจนร้องจ๊าก

“ซาตานที่ไหนจะสวยอย่างฉันยะ จะบอกให้นะ ฉันนี่แหละนางฟ้าตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะย่ะ”

“คุณเป็นนางฟ้าแล้วมาแกล้งผมทำไม รีบถอนคำสาปให้ผมกลับเป็นผู้ชายเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ฉันไม่ได้แกล้ง แต่ฉันจะให้บทเรียนนาย นายจะกลับเป็นผู้ชายได้ก็ต่อเมื่อผ่านบททดสอบของฉันแล้วเท่านั้น”

“บททดสอบบทเรียนอะไร คิดว่าตัวเองเป็นครูใหญ่รึไง”

“นายจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างของนางสาวพิมมาลาจนเรียนรู้ว่าการเกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบากยังไงน่ะสิ ไอ้ชีกอ”

“จะบ้าเหรอ”

“ไม่บ้าหรอก เผื่อนายจะสำนึกได้มั่งว่าผู้หญิงไม่ได้มีไว้เป็นเครื่องเล่นของผู้ชาย ผู้หญิงก็มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับผู้ชาย และนายก็ควรให้เกียรติผู้หญิงที่เป็นเพศแม่ของนายเอง... แค่นี้นะ ฉันกวนข้าวทิพย์อยู่ เดี๋ยวไหม้”

พูดเสร็จรัมภาก็หายตัวแวบไปทันที พิมมาลาร้องเรียกไม่ทัน ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น

“สาปฉันแล้วยังมาบังคับให้ฉันทำเรื่องบ้าๆบอๆอีกเหรอ ฉันไม่มีวันยอมแพ้เธอหรอกรัมภา...โธ่โว้ย นี่ฉันต้องอยู่ในร่างกายอ่อนแอแปรปรวนไร้สติจริงๆเหรอเนี่ยโอ๊ย...อยากจะบ้าตาย”

จากนั้นไม่นาน พิมมาลาในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ของเพรียวก็ไปโผล่ที่อพาร์ตเมนต์ที่ดลอยู่ ดลยังไม่สร่างเมา พอเห็นสาวสวยมาเคาะห้องก็นึกว่าโชคหล่นใส่แต่เช้ารีบเชื้อเชิญเจ้าหล่อนให้เข้ามาในห้องทันที

เพรียวหรือพิมมาลาพยายามอธิบายจะให้ดลเข้าใจถึงความโชคร้ายของตน แต่ดลก็เอาแต่หน้ามืดตามัวจ้องจะงาบสาวสวย อีกอย่างเรื่องบ้าๆแบบนี้ใครที่ไหนจะไปเชื่อ เพรียวเลยได้แต่กลัดกลุ้ม แต่แล้วนึกได้หยิบบัตรประชาชนออกมายืนยัน แต่ปรากฏว่าในบัตรก็ดันระบุชัดเจนว่า “นางสาวพิมมาลา เชิงไกรลาส”

“เวรเอ๊ย ปลอมกระทั่งบัตรประชาชนเลยเหรอเนี่ย ยัยนางฟ้าตัวแสบ”

“ใช่จ้ะ นางฟ้าของดล มามะ...มาเป็นของพี่นะจ๊ะคนสวย” ดลไขว่คว้าเป็นมือปลาหมึก เลยโดนเขากระทุ้งเข่าเข้าเป้ากางเกงจนจุกแอ่กนอนร้องครวญครางอยู่ตรงนั้น...

กลับออกมาเคว้งคว้างอยู่ริมถนนอย่างไม่รู้จะไปไหน พลันก็หันไปเห็นจราจรสาวคนหนึ่ง เพ่งไปเพ่งมากลายเป็นนางฟ้ารัมภา จึงปรี่เข้าไปหาด้วยความโมโห

“เมื่อไหร่จะคืนร่างให้ผมซะที ผมไม่ใช่พวกฆ่าข่มขืนนะ ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย”

“ก็เพราะนายไม่ใช่น่ะสิ ถึงโดนแค่นี้ ถ้านายเป็นอย่างไอ้พวกนั้นล่ะก็ นรกอเวจีโน่นเลย...ไม่ได้อยู่สุขสบายยังงี้หรอก ส่วนเรื่องคืนร่าง นายก็ต้องผ่านบททดสอบของฉันให้ได้ซะก่อน ไม่อย่างงั้นก็อย่าหวังเลย”

“คุณสาปผมด้วยเหตุผลบ้าๆบอๆ เรื่องอะไรผมจะต้องเชื่อฟังคุณด้วย”

“การที่ฉันจะทำให้นายสำนึกว่าอย่าไปเที่ยวหลอกผู้หญิง เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นเนี่ยนะเหตุผลบ้าๆบอๆ ก็ได้ ในเมื่อนายไม่ยอมรับผิด เราก็มาลองดูกันว่าระหว่างนายกับฉัน ใครจะชนะ”

พิมมาลากับรัมภาจ้องหน้ากันเขม็ง ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้ จู่ๆจราจรรัมภาก็ฉีกใบสั่งแปะกลางหน้าผากพิมมาลาจนหน้าหงาย แล้วหายตัวไปอย่างฉับพลัน ทิ้งอีกฝ่ายยืนเตะลมแล้งอย่างหงุดหงิด

ส่วนที่บ้านฟ้างามค่ำนี้ แวนกำลังจะเดินทางไปปาร์ตี้กับเพื่อนที่เชียงใหม่ เขาบอกลาน้ำนวลที่เอาแต่หมกมุ่นกับงานจนข้าวปลาไม่ยอมกิน ทำที่ออฟฟิศไม่พอ ยังหอบเอากลับมาทำต่อที่บ้านอีก นั่นก็เพราะเพรียวเพิ่งลาออกไป งานทั้งหลายน้ำนวลเลยต้องรับช่วงมา

“นายคนนี้สำคัญมากรึไง ลาออกทีเห็นใครต่อใครวุ่นวายกันไปหมด” แวนถามกึ่งบ่น

“ไม่เลยแวน เขาไม่ใช่คนสำคัญขนาดนั้นหรอก” น้ำนวลเสียงแข็ง สีหน้าปั้นปึ่ง เพราะยังเจ็บช้ำใจไม่หาย

ooooooo


เมื่อใจยังคงเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ พิมมาลาจึงเดินหน้าไปตัดผมที่ยาวสลวยให้สั้นกุดแบบผู้ชาย แต่พอกลับออกมาหน้าร้าน เส้นผมก็งอกยาวออกมาเป็นทรงเดิมอีก พร้อมๆกับการปรากฏตัวของรัมภา

“ไงจ๊ะน้องสาว มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวจ๊ะ”

พิมมาลาจ้องหน้ารัมภาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เจ็บใจที่โดนเธอแกล้งอีกแล้ว ครั้นจะโวยวายอาละวาด เธอก็หนีหายไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งกลับถึงห้องพักในคอนโดฯเห็นเธอนั่งพับเพียบพับผ้าอยู่ที่โซฟา จึงพุ่งเข้าไปต่อว่าอย่างฉุนเฉียว

“คุณมันไม่ใช่นางฟ้าหรอก อย่างคุณมันผีนรกชัดๆ ผมไปทำอะไรให้คุณ คุณถึงได้ตามจองเวรผมไม่เลิก ผู้ชายอย่างผมมีอยู่ครึ่งค่อนโลก ทำไมถึงไม่ไปเล่นงานคนอื่นบ้าง จ้องเล่นงานแต่ผมคนเดียว”

“ก็ฉันเคยบอกนายแล้วไง ว่าฉันมีสิทธิ์ลงโทษนาย ผู้ชายคนอื่นฉันไม่มีสิทธิ์”

“สิทธิ์บ้าบออะไรของคุณ ชาติที่แล้วผมไปฆ่าคุณตายรึไง คุณถึงต้องกลายเป็นผีมาอาฆาตจองเวรอย่างงี้”

รัมภาโกรธมากลุกขึ้นยืนบนโซฟาชี้หน้า “แกว่าฉันเป็นผีเหรอไอ้เพรียว”

“เนี่ยเหรอนางฟ้า แอ๊บหลุดแล้วสิ นังซาตาน”

“อยากกลับร่างเดิมมากนักใช่มั้ย ได้” รัมภาทำให้พิมมาลากลายร่างเป็นเพรียว แต่ยังมีหน้าอกหน้าใจเต่งตูมเหมือนผู้หญิง เพรียวก้มมองแล้วตกใจแทบช็อก รัมภาหัวเราะคิกคัก ลงจากโซฟาด้วยท่าทีกวนๆ

“ก็อยากกลับร่างเดิมฉันก็ทำให้แล้วไง แต่กลับได้ครึ่งเดียวนะ อีกครึ่งฉันไม่ให้”

เพรียวรีบหันหลัง รูดซิปกางเกงเอามือล้วงเช็กสมบัติ สีหน้าโล่งอกที่เพรียวน้อยยังอยู่

“กะเทยงู” รัมภาแซว...ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ เพรียวหันขวับกลับมาชี้หน้า “อย่าเอามือสกปรกมาชี้หน้าฉันนะ ไปล้วงอะไรมา ทุเรศ”

“ฉันจะฆ่าแก” เขาตรงเข้าหารัมภา แต่แล้วต้องหยุดกึก เพราะรัมภาทำให้หน้าอกของเขาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเหมือนลูกโป่ง ใหญ่มากจนเขายืนไม่ไหว ล้มลงนอนโดนหน้าอกตัวเองทับอยู่กับพื้น

“อึ๋มไม่ต้องพึ่งแพทย์” รัมภาหัวเราะสะใจ แต่เพรียวกำลังแย่ พูดเสียงอู้อี้บี้แบน

“ยอมแล้ว...ผมหายใจไม่ออก...ช่วยด้วย”

“จำไว้เลยนะ อย่ามาหยาบคายมึงมาพาโวยหรือเรียกฉันเป็นผีบ้าซาตานอีก ฉันไม่ชอบ”

ทันทีที่รัมภาดีดนิ้ว ร่างของเพรียวก็กลายเป็นพิมมาลา ทุกอย่างกลับเป็นปกติเหมือนเดิม...พิมมาลารีบลุกขึ้นสำรวจตัวเอง ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่มีอะไรขาดๆเกินๆอีก ก็ยังพอโล่งอก

“วันนี้ถือว่าฉันสั่งสอน ถ้าคิดได้เมื่อไหร่ก็ทำตามข้อเสนอของฉันซะ ไม่อย่างงั้นนายจะต้องอยู่ในร่างผู้หญิงไปทั้งชาติ” รัมภาทิ้งค้อนแล้วหายตัวแวบไป

พิมมาลากำหมัดกัดฟันแน่นเจ็บใจสุดๆ ตั้งฉายาให้เธอว่า “ยัยนางฟ้าสารพัดพิษ”

Ooooooo

เมลานีไม่อยากน้อยหน้าน้ำนวล จึงต้องการจะไปเรียนเมืองนอกบ้าง แต่พอเธอกระเง้ากระงอดรบเร้ามานิดา คนเป็นแม่ก็ท่าทีอ่อนใจ อดขบกัดลูกสาวสุดรักไม่ได้

“หนูก็รีบเรียนปริญญาตรีให้จบซะทีสิคะ เด็กปีหนึ่งจะจบก่อนหนูแล้วนะลูก แม่อายเพื่อนๆ จนไม่กล้าคุยเรื่องนี้แล้ว”

เมลานีกระทืบเท้าเหมือนเด็กเอาแต่ใจ “ก็เมไม่อยากเรียนในไทยแล้วนี่คะคุณแม่ ถ้าเมแพ้น้ำก็เหมือนกับแม่แพ้อางามเหมือนกัน”

“หนูก็รู้นี่นา ว่าถึงคุณพ่อจะยกย่องแม่ออกหน้าออกตายังไง แม่ก็เป็นได้แค่บ้านเล็กอยู่ดี ถ้าบ้านใหญ่เขาไม่ยอม แม่จะเอาเงินที่ไหนส่งหนูไปเรียนต่างประเทศล่ะจ๊ะ”

“นี่ตกลงเราจะทำอะไร ต้องรอให้ยัยแก่นั่นอนุมัติก่อนเหรอแม่ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยใช่มั้ยคะ นอกจากเงินเดือนแค่หยิบมือที่คุณพ่อให้”

“ไม่หรอกลูก แม่ไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างไปตลอดชีวิตหรอก ยังไงแม่ก็ขึ้นชื่อว่าเมีย แม่ต้องได้ในสิ่งที่แม่ควรได้”

เมลานีหมดอารมณ์ไม่อยากฟังต่อ เดินหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดนำหน้าแม่ออกไปก่อน...ส่วนที่ฝ่ายการตลาดและโฆษณาภายในห้างเซนซูยา วันนี้ดลโทร.หานางฝากลางานหนึ่งวัน นางซักถามนิดหน่อยก่อนวางสายแล้วมาบอกต่อน้ำนวลที่นั่งอยู่ท่ามกลางแฟ้มงานสูงท่วมหัว

“คุณน้ำคะ ดลโทร.มาขอลาหยุดอีกวันนะคะ”

น้ำนวลพยักหน้ารับทราบ นางยังไม่วายบ่นถึงดลว่าซวยจริงๆ นอนอยู่ในห้องแท้ๆ โดนผู้หญิงโรคจิตบุกเข้าไปทำร้ายเอาได้...

น้ำนวลไม่ได้ใส่ใจ สนใจงานตรงหน้ามากกว่าว่าทำไมถึงมากมายนัก ถามนางว่าพี่เพรียวทำงานหนักอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอ?

“ค่ะคุณน้ำ พี่เพรียวแกอึด ขี้หลีแต่ไม่หนีงานค่ะ ไม่ว่าจะงานหนักแค่ไหน ข้ามวันข้ามคืนยังไงก็ไม่เคยบ่น ไม่งั้นเขาจะยุบรวมฝ่ายการตลาดกับโฆษณาให้พี่เพรียวคุมคนเดียวเหรอคะ

สมน้ำหน้านายทศกร กร่างดีนัก เป็นหัวหน้าการตลาดอยู่ดีๆ กลายเป็นลูกน้องพี่เพรียวเฉยเลย”

น้ำนวลหน้าขรึมลงคิดถึงเพรียว พอนางกลับออกไปแล้ว เธอหยิบรูปหมู่ที่เพรียวถ่ายกับคนในแผนกขึ้นมาดู

“คุณรู้มั้ย สองปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย ฉันท้อ ฉันจะบอกกับตัวเองตลอดว่าฉันต้องไม่แพ้ ฉันต้องเอาชนะคุณ ให้คุณมาคุกเข่าต่อหน้าฉันให้ได้...ทำไมคุณต้องหนีฉันไปด้วยคะ”

น้ำนวลหน้าเศร้า จริงๆแล้วตนไม่เคยลืมเพรียวเลย แม้ว่าจะคบอยู่กับแวนแต่ก็เป็นความรู้สึกแบบเพื่อนมากกว่า ส่วนลึกของจิตใจยังคงมีแต่เพรียวเสมอ

Ooooooo

ในห้องพักของเพรียว...พิมมาลาเพิ่งลืมตาตื่นหลังจากนอนหลับสบายมาครึ่งค่อนวัน รัมภานั่งไขว่ห้างมองมา อดแขวะไม่ได้ว่า “ใจคอจะนอนทั้งวันเลยรึไง”

พิมมาลาหน้าบึ้ง ลุกจากเตียงจะเดินหนี รัมภารีบลุกไปดักหน้า

“เดี๋ยว ถึงเวลาที่นายต้องทำงานทำการซะทีแล้ว” พูดจบก็ผลักพิมมาลานั่งลงที่เตียง พร้อมยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้า “เซนซูยาเขารับสมัครงานฝ่ายโฆษณา นายรีบไปสมัครได้แล้ว”

พิมมาลาดึงกระดาษมาดู พลางชำเลืองมองรัมภาที่ใส่กระโปรงค่อนข้างสั้นเผยให้เห็นช่วงขาเรียวสวย

“ขาเนียนเชียวโว้ย นี่ถ้าใส่บิกินี่จะแจ่มขนาดไหนเนี่ย” พิมมาลาคิดในใจ แต่ทันใดก็สะดุ้งโหยงกับเสียงตวาดของรัมภา

“ไอ้ลามก กุดยังงี้แล้วยังไม่วายอีกนะ”

“นี่คุณอ่านใจผมได้ด้วยเหรอ อย่างงี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะคุณ”

“ถ้าไม่อ่านจะรู้เหรอว่านายคิดทุเรศอะไรบ้าง ฉันล่ะเกลียดนักไอ้พวกเห็นผู้หญิงแล้วชอบคิดอุบาทว์ คอยดูเถอะ แม่จะสาปให้เหลือแต่ตอให้หมดเลย” ว่าแล้วก็หายแวบไปอย่างอารมณ์เสีย

“ฉันไม่เหลืออะไรให้เธอสาปแล้วโว้ย...ถูกสาป จริงสิ แล้วทำไมไม่หาคนมาถอนคำสาปให้วะ”

คิดได้ดังนั้น เพรียวแจ้นไปหาหลวงลุงถึงวัดที่อุทัยธานีในเย็นนั้นเลย แต่การไปของเพรียวอยู่ในคราบของพิมมาลาหญิงสาวแสนสวย แม้จะแต่งตัวแบบชาย แต่สรีระร่างกายก็บ่งชัดว่าเป็นหญิง การพูดจาของเพรียวจึงติดๆขัดๆ จนหลวงลุงกับตายิ้มพากันงุนงง เพรียวเลยต้องขออนุญาตคุยกับหลวงลุงสองต่อสอง แต่ตายิ้มก็ยังกระเซ้าเข้าให้ว่า

“จะสึกพระเชียวเหรอแม่หนู ไม่กลัวบาปกลัวกรรมบ้างรึไง”

“ไม่ใช่ครับ...เอ่อ...คือ...” ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เลยตัดใจพูดตรงๆ “ผมเพรียว หลานชายหลวงลุงไงครับ”

“นี่เจ้าเพรียวเองเหรอ ไหนพ่อกับแม่เอ็งเขาบอกว่าเอ็งได้ดิบได้ดีเป็นผู้จัดการใหญ่โต แล้วไหงเป็นอย่างงี้ไปได้ล่ะ”

“สวยกว่าผู้หญิงจริงๆซะอีก”

ไปกันใหญ่แล้ว หลวงลุงกับตายิ้มเข้าใจว่าเพรียวแต๋วแตกถึงกับเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดหนัก

“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นผู้ชาย เป็นผู้ชายทั้งแท่ง แต่ผมโดนนางฟ้าสาปให้เป็นผู้หญิงครับหลวงลุง”

หลวงลุงอึ้งปนงง สบตากับตายิ้มไปมา ไม่แน่ใจว่าเจอคนบ้าหรือเปล่า...หลังฟังเรื่องราว

จากพิมมาลา หลวงลุงมีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนตายิ้มยังเกาะติดอย่างไม่ไว้ใจพิมมาลานัก

“มันประหลาดจนเหลือเชื่อ ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยได้ยินอะไรอย่างงี้เลย ถ้าเจ้าคือเพรียวจริงๆ ตอนเอ็งเจ็ดขวบ เอ็งเคยหนีมาหาข้าที่วัดครั้งนึง เอ็งจำได้มั้ย”

“จำได้ครับ ผมทำแจกันจากเมืองจีนของพ่อแตก ก็เลยหนีมาหาหลวงลุงให้ช่วยพูด ผมเลยไม่ถูกตีครับ”

หลวงลุงชะงักก่อนจะซักต่อ “มีความลับอะไรที่เอ็งกับข้ารู้กันสองคนมั่งล่ะ”

“ตอนนั้นผมสิบสี่ มีเรื่องชกกับไอ้ทอมลูกชายสารวัตรธวัชชัย ผมถูกรุม สู้ไม่ได้ พอไอ้ทอมมันกลับบ้านตอนค่ำเดินผ่านมาทางวัด ผมปลอมเป็นผีไปหลอกมันจนจับไข้ หลวงลุง...”

หลวงลุงยกมือให้พอ ชักเชื่อว่าเป็นเพรียว แต่ตายิ้มท่าทางไม่ค่อยเชื่อ

“หลวงลุงครับ หลวงลุงพอจะรู้จักพระเกจิอาจารย์ที่ช่วยถอนคำสาปให้ผมได้มั่งมั้ยครับ”

“ข้าไม่เคยรู้จักใครทำเรื่องแบบนี้ได้หรอก แต่ข้ารู้อยู่อย่างนึงว่าคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ ถ้าเอ็งยอมทำตามที่เทพธิดาท่านบอก ก็คงจะช่วยได้ เพราะถึงไงท่านก็สาปเอ็งไม่ได้ตลอด มันจะเป็นบาปกับตัวท่านมากเหมือนกัน”

“นี่สรุปว่าผมต้องทำตามที่ยัยรัมภาขู่จริงๆเหรอครับ”

“ลองแวะไปหาหมอที่ศรีธัญญาให้ดูอาการมั่งก็ดีนะแม่หนู” ตายิ้มแนะนำ แต่โดนหลวงลุงดุด้วยสายตาจนนิ่งไป

“ผมไม่ได้บ้านะครับหลวงลุง ใครจะกล้ามาโกหกพระครับ” เพรียวยืนยันจริงจัง หลวงลุงถอนใจ ลึกๆก็ไม่เชื่อ

“แล้วนี่พ่อเราเป็นยังไงมั่งล่ะ”

“ยังไม่ได้แวะเข้าบ้านเลยครับ มาถึงก็แวะมาหาหลวงลุงก่อน”

“อ้าว นี่เรายังไม่รู้เหรอ พ่อเราเข้าไปรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ”

พิมมาลาหรือเพรียวสีหน้าตกใจมาก ลืมเรื่องอื่นๆ ไปหมด รีบร้อนกลับเข้ากรุงเทพฯเดี๋ยวนั้นเลย

ooooooo

ถึงโรงพยาบาล เพรียวที่อยู่ในสภาพพิมมาลาต้องโกหกแม่และพี่สาวทั้งสองคนว่าตนเป็นตัวแทนประกันฯ ก่อนทำทีซักถามอาการของเถ้าแก่ชั้นที่นอนหลับสนิทบนเตียงคนไข้ พอได้ยินคำตอบของยุพิน ก็ร้อนใจเป็นห่วงพ่อจนเผลอแสดงออกทั้งน้ำเสียงและท่าทางแบบผู้ชาย

“พ่อเป็นเนื้องอกที่ต่อมลูกหมากค่ะ เป็นมานานแล้ว แต่พ่อแกกลัวผ่าตัด แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆก็เลยต้องยอม นี่ก็เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาได้ไม่ถึงชั่วโมงเลยค่ะ”

“แล้วทำไมไม่บอก” ขึ้นเสียงขึงขังไปแล้วก็รู้สึกตัว จึงปรับเปลี่ยนเป็นอ่อนลง “เอ่อ...ทราบมาว่ามีลูกชายอยู่อีกคนใช่มั้ยคะ แล้วทำไมเขาไม่มาเยี่ยมล่ะคะเนี่ย”

“แม่กลัวเขาเป็นห่วงน่ะจ้ะ ลูกเพรียวเป็นห่วงพ่อเขามากที่สุดเลย แม่เห็นว่างานเขาเยอะ กลัวจะเสียงานเสียการ ก็เลยสั่งไม่ให้ใครบอก”

“ห่วงมาก ปีนึงมาหาซักกี่ครั้งเชียว ถ้าไม่มาไถเงินไม่เคยเห็นหัว” สายพรกระแทกเสียงหมั่นไส้น้องชาย ก็เลยโดนแม่ตวาดเข้าให้

“นี่พร พ่อเจ็บป่วยแกยังจะหาเรื่องน้องอีกนะ เพราะแกคอยว่าแดกดันมันอย่างนี้ เพรียวมันถึงไม่อยากกลับบ้าน”

“ที่ฉันพูดก็เพราะฉันอยากให้เพรียวมันมาหรอกนะแม่ พ่อเขารักมันมาก ถ้าได้เห็นหน้าเพรียว เขาจะได้ดีใจ มีกำลังใจรักษาตัวให้หายเร็วๆไงคะ ไม่รู้จะห้ามทำไม”

เพรียวเหล่มองสายพร อึ้งไปเล็กน้อยที่ได้รู้ความรู้สึกนึกคิดของพี่สาว แล้วเพรียวก็เดินไปจับมือพ่อยกขึ้นมาแนบแก้ม น้ำตาคลอเสียใจที่ไม่ได้ดูแลพ่อให้สมกับความรักที่พ่อมีให้ สามคนแม่ลูกเห็นภาพนั้นก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าคนแปลกหน้า จะห่วงใยและอ่อนไหวได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะแม่คิดมากจนระแวง

“แอบไปมีกิ๊กหรือไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนรึเปล่าวะ เดี๋ยวฟื้นขึ้นมาก่อนเถอะมึง ไอ้แก่”

“ใจเย็นๆแม่ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ คุณเขาอาจจะอินมากไปหน่อยเท่านั้นเอง”

เพรียวไม่ได้สนใจแม่และพี่ๆ มัวแต่รู้สึกผิดและบอกพ่ออยู่ในใจว่า “พ่อครับ ผมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้กลับมาเป็นลูกพ่อเหมือนเดิม พ่อห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดนะครับ ผมรักพ่อครับ”

คืนนั้นเพรียวกลับไปจมอยู่กับความเศร้าเรื่อง

พ่อป่วย ระหว่างนี้รัมภาในชุดราตรีหรูหราถือแก้วไวน์แดงก็ปรากฏตัวด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน

“ถ้าคิดได้อย่างงี้ซะตั้งแต่แรกก็สบายไปแล้ว แต่ก็เอาเถอะนะ คิดได้ตอนนี้ก็ยังดีกว่าที่คิดไม่ได้ซะเลย”

“นี่...ที่ผมยอมคุณ ผมไม่ได้แพ้คุณนะรัมภา ผมทำเพื่อพ่อผมตะหาก”

“จ้า...คุณลูกกตัญญู เอาเถอะ จะเพื่ออะไรก็ตาม ถ้านายทำตามที่ฉันบอกได้ นายก็จะได้กลับเป็นผู้ชายทั้งแท่งอีกครั้งอย่างที่นายต้องการ”

เพียงรัมภาดีดนิ้วมือ ก็มีแฟ้มเอกสารปรากฏบนโต๊ะตรงหน้าเพรียว

“นี่คุณปลอมหลักฐานการศึกษาผมเลยเหรอ” เพรียวโวยวายหลังหยิบแฟ้มนั้นมาเปิดดูคร่าวๆ

“ใช่...ฉันให้พิมมาลาจบจากอเมริกา”

“Triston College อยู่ไหน เกิดมาผมไม่เคยได้ยินชื่อ”

“ก็เป็นคอลเลจเล็กๆในอเมริกา ถ้าทางเซนซูยาเช็กทางเน็ตก็จะเจอชื่อนางสาวพิมมาลา เชิงไกรลาส อยู่ในรายชื่อนักเรียนจบเมื่อไม่กี่ปีก่อน เอาเถอะน่ะ ถ้าหนูน้ำนวลรับซะอย่าง ฝ่ายบุคคลไม่เช็กอะไรมากมายหรอก”

“นี่อะไรอีกล่ะ” เพรียวจิ้มไปที่จดหมายในแฟ้ม

“จดหมายลาออกของนายเพรียว ลาออกไปทำงานต่างประเทศ ทุกอย่างลงตัวเพอร์เฟกต์”

“มิจฉาชีพชัดๆ” เพรียวแค้น จะเดินไป แต่โดนรัมภาดึงปกเสื้อไว้ สั่งให้ตามตนมาเดี๋ยวนี้

เพรียวหรือพิมมาลาจำใจเดินตามรัมภาไปในห้องนอน แล้วไปยืนเกาก้น สีหน้าเบื่อหน่าย รัมภาหันมาเห็นจึงตีมือเขาไปที

“เป็นผู้หญิงมายืนเกาก้นได้ยังไง น่าเกลียด”

จากนั้นรัมภาเปิดตู้เสื้อผ้าของเพรียวแล้วเสกให้เสื้อผ้าเหล่านั้นกลายเป็นของผู้หญิงทั้งหมด แถมมีชุดชั้นในเพิ่มให้อีกด้วย

“เฮ้ย สูทอาร์มานี่ของฉัน” เพรียวตกใจ...แล้วกลายเป็นแค้นใจ หยิบยกทรงขึ้นมา “นี่คุณจะให้ผมใส่ไอ้นี่ด้วยเหรอ”

“ตายแล้ว อย่าบอกนะว่านี่นายไม่ได้ใส่”

พิมมาลาส่ายหน้า รัมภาถึงกับกุมหัว บ่นจะบ้าตาย... พิมมาลาขบกรามแน่นด้วยความแค้น แต่ก็ต้องทนเพื่อพ่อ

“มีอะไรอีกมั้ย ผมจะรีบนอน พรุ่งนี้จะได้ไปสมัครงานแต่เช้า”

“มี...ฉันล่ะเบื่อไอ้ท่าทางกระโดกกระเดกของนายเต็มทนแล้ว มันบั่นทอนความสวยสิ้นดี” พูดขาดคำ รัมภาสาดแก้วไวน์ใส่พิมมาลาทันที ฝ่ายนั้นตกใจร้องเฮ้ย แต่ฉับพลันก็อึ้งเพราะไวน์แดงกลายเป็นแสงระยิบระยับคลุมตัว ก่อนจะจางหายไป

“จากนี้ไปเธอจะเป็นสุภาพสตรีสมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว”

เพรียวเป็นพิมมาลาโดยสมบูรณ์แล้วจริงๆ ทั้งกิริยาท่าทางและน้ำเสียง

“รีบนอนล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปสมัครงาน นอน น้อยเดี๋ยวทาแป้งไม่ติดหน้านะตัว อ้อ แล้วอย่าลืมใส่ส้นสูงไปด้วยล่ะ” รัมภาหัวเราะชอบใจเดินออกจากห้องไป

เพรียวเจ็บใจมากได้แต่ค้อนใส่แบบผู้หญิง แล้วเดินสะบัดสะบิ้งก้นบิดเข้าห้องน้ำ เป็นสาวสมบูรณ์แบบตามเวทมนตร์ ของรัมภา

ooooooo

เช้าขึ้น พิมมาลาเยื้องย่างเข้าไปที่ห้างเซนซูยาในชุดสาวทำงาน เธอสวยสง่าดึงดูดความสนใจจากบรรดาพนักงานจำนวนไม่น้อย ดลเพิ่งมาถึง พอเห็นเธอก็เบรกกึกรีบหลบวูบด้วยความตกใจปนกลัว

“อีสวยประหารนี่หว่า มาทำอะไรที่นี่วะ”

ดลยังเข็ดขยาดเพราะเคยโดนพิมมาลาตีเข่าเข้ากล่องดวงใจจนต้องหยุดงาน เขาแอบมองตามเธอไปด้วยความสงสัย...ขณะนั้นที่หน้าลิฟต์ ทศกรกำลังออดอ้อนจีบดารณี

“วันนี้ออกไปพบลูกค้า อย่ามัวแต่คุยเพลินนะ คิดถึงพี่ทศบ้างล่ะ”

“ให้คิดอย่างงี้ได้ทุกวันเถอะค่ะ ไม่ใช่พอเบื่อดาก็ทำกับดาเหมือนเป็นของเหลือใช้ ไม่มีค่าอีกคน”

“อย่าเอาพี่ไปเทียบกับคนเลวๆอย่างไอ้เพรียวมันสิจ๊ะ เราสองคนผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งหลายอย่างกว่าจะเข้าใจกันได้ น้องดายังไม่เชื่อในความรักของพี่อีกเหรอจ๊ะ”

พอทั้งคู่ก้าวเข้าในลิฟต์ ทศกรก็ฉวยโอกาสโอบเอวดารณีมาแนบกระชับตน แต่ไม่ทันลิฟต์จะปิดสนิท พิมมาลาก็วิ่งพรวดมาทันพอดี ทศกรเห็นสาวสวยถึงกับตะลึงตาเบิกกว้างอย่างเก็บอาการเจ้าชู้ไม่อยู่ แต่พิมมาลาอึ้งตะลึงกว่า สายตาโกรธออกแนวหึงหวง จ้องเขม็งไปที่ทั้งคู่โอบเอวกัน

“เชิญเลยครับ” ทศกรยิ้มมีไมตรี พิมมาลาก้าวเข้ามายืนตรงกลางหน้าตาเฉย พลางก็คิดในใจอย่างเคืองๆดารณี

“วันก่อนยังจะฆ่าตัวตายเพราะอกหักจากฉันอยู่เลย ไม่ทันไรโผไปซบไอ้หมูตอนนี่แล้วเหรอ สามวันนารีเป็นอื่นแท้ๆ”

ความสวยขาดบาดใจของพิมมาลาทำเอาทศกรแทบลืมดารณี แอบมองเธอตลอดเวลา ยิ่งพอรู้ว่าเธอมาสมัครงานที่ฝ่ายการตลาดและโฆษณาของตน ทศกรก็ยิ่งดี๊ด๊าเข้าร่วมพิจารณากับน้ำนวลด้วย แต่นางที่เกลียดผู้หญิงสวยทุกคนแอบเหล่พิมมาลาและคิดอิจฉาอยู่ในใจ

“จะสวยไปไหนยะ ฉันยอมให้คุณน้ำคนเดียว เพราะเธอเป็นหลานเจ้าของ ส่วนหล่อนอย่าหวังจะได้งานเลย”

พิมมาลาหรือเพรียวดีใจที่ได้กลับมาที่นี่ เธอส่งยิ้มเป็นมิตรให้นาง แต่นางกลับทำตาแข็งใส่ ไม่ยิ้มด้วย

“งานของคุณพิมมาลานี่ดูเรียบแต่มีเสน่ห์เหมือนงานของพี่...ผู้จัดการคนก่อนเลยนะคะ” น้ำนวลชื่นชมหลังตรวจดูงานในแฟ้มอย่างละเอียด

“เหรอคะ บังเอิญจังเลยนะคะ”

“พี่ทศคิดว่ายังไงคะ” น้ำนวลถามออกไป แต่ทศกร มัวแต่มองพิมมาลาตาหวานเยิ้ม เลยตอบไปคนละเรื่อง

“สวยไม่บันยะบันยังเลยครับ”

นางหมั่นไส้กระแอมเตือน ทศกรจึงรู้สึกตัว รีบปรับสีหน้า “เอ่อ...พี่ว่าไม่น่ามีปัญหานะครับ เคยทำงานที่อเมริกามาก่อน มีทั้งฝีมือทั้งประสบการณ์แบบเนี้ย ทำงานกับเราได้สบายมากครับ”

“แต่นางว่านั่นแหละค่ะปัญหา เคยทำงานระบบฝรั่งเงินเดือนสูงๆ จะทนการทำงานแบบคนไทยรายได้พอเพียงไหวเหรอคะ”

“คุณพ่อดิฉันไม่ค่อยสบาย ดิฉันอยากดูแลท่าน ก็เลยย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยค่ะ จะเจออะไรก็ต้องทน ปรับตัวให้ได้ค่ะ”

น้ำนวลยิ้มชื่นชมพิมมาลา ส่วนทศกรถึงกับออกปากว่าคนกตัญญูรู้คุณอย่างนี้ต้องสนับสนุน แต่สำหรับนางยังไงก็ไม่ยอมแพ้

“แต่งานที่นี่หนักนะ เป็นผู้หญิงจะไหวเหรอ”

“แล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงรึไง” ทศกรชักหมั่นไส้นาง...แล้วสองคนก็แยกเขี้ยวใส่กัน น้ำนวลกลัวเกิดเรื่องจึงรีบตัดบท

“เอาเป็นว่าดิฉันตกลงรับคุณค่ะ คุณพร้อมจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่คะ”

“วันนี้เลยก็ได้ค่ะ”

ทศกรยิ้มปลื้มดีใจจนออกนอกหน้า ขณะที่นางมีอาการไม่พอใจมาก น้ำนวลยิ้มแย้มลุกขึ้นเช็กแฮนด์กับพิมมาลา แต่แล้วก็งงๆที่พิมมาลาจับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย แถมยังมองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แม้จะอยู่ในร่างผู้หญิงแต่นิสัยเจ้าชู้ของเพรียวก็แก้ไม่หาย

พอออกจากห้องเดินคุยกันมาสองคน พิมมาลาก็ยังกรุ้มกริ่มใส่น้ำนวลไม่เลิก ดีใจที่น้ำนวลบอกจะเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่

“ฝ่ายคุณน้ำนี่ดีจังเลยนะคะ มีธรรมเนียมเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่ด้วย ใครเป็นคนคิดขึ้นคะเนี่ย”

“ผู้จัดการคนก่อนน่ะค่ะ น้ำว่าเป็นธรรมเนียมที่ดีนะคะ เราจะได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้นก่อนจะได้ร่วมงานกันจริงๆ”

“จริงค่ะ ผู้จัดการฝ่ายคนก่อนนี่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริงๆนะคะ” ชมตัวเองแล้วก็ยิ้มปลื้มไปมา ก่อนดึงตัวน้ำนวลมากอดเมื่อเธอบอกลา น้ำนวลชะงักเล็กน้อย คิดว่าเจ้าหล่อนคงติดนิสัยฝรั่งมา ก็เลยไม่พูดอะไร

“ตัวฮ้อมหอม เป็นผู้หญิงมาตั้งหลายวันเพิ่งจะเห็นข้อดีก็วันนี้ล่ะวะ” เพรียวแอบคิดในใจ

“งั้นน้ำไปทำงานก่อนนะคะพี่พิม”

พิมมาลายกมือบ๊ายบายน้ำนวลแล้วจะเดินไปอีกทาง พลันสายตาเหลือบไปเห็นดลเข้า ความแค้นที่เคยจะโดนดลปล้ำทำให้พิมมาลาพุ่งปราดไปหา ดลรู้ตัวรีบวิ่งหนีเพราะกลัวจะโดนเจ้าหล่อนซ้อมเอาอีก

ทั้งคู่วิ่งไล่กวดกันมาตามทางในออฟฟิศ พิมมาลารีบร้อนจนไม่ทันมองทางจึงชนเข้ากับแวนที่เดินเล่นไอโฟนสวนมา แรงกระแทกทำให้พิมมาลาเซจะล้ม โชคดีที่แวนคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน

พอตั้งหลักได้ พิมมาลามองแวนแล้วคิดในใจ “อึ้งไปเลย ปิ๊งในความสวยของฉันอีกคนล่ะสิ อย่างว่าแหละ ขนาดฉันเห็นตัวเองในกระจกยังหลงรักตัวเองเล้ย”

ผิดคาด...แวนไม่ได้สนใจสาวสวย กลับห่วงไอโฟนของตัวเองที่หล่นลงพื้น ดีที่มันไม่พังเสียหาย พิมมาลาเจ็บใจเป็นบ้า มองตามแวนที่บอกลาแล้วเดินเล่นไอโฟนต่อไปหน้าตาเฉย...

สายวันเดียวกันนี้ที่สปาเสริมความงาม มานิดากับเมลานีพากันมาทำสปาแก้เซ็ง แต่ยังไม่ถึงคิว สองแม่ลูกก็เลยนั่งคุยกันฆ่าเวลา

“แม่ล่ะมู้ดดี้กับคุณพ่อนักเชียว ไม่รู้ตัวเองเป็นประธานบริษัทหรือว่ายัยฟ้างามเป็นกันแน่ ถึงได้กลัวน้องสาวหงอขนาดนี้”

“ต่อไปอางามต้องดันยัยน้ำขึ้นมาแทนที่ตัวเองแน่ๆ แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดีคะคุณแม่”

“ก็เพราะพ่อเรานั่นแหละ ทำตัวเป็นเพลย์บอยลอยไปลอยมาดีนัก งานการไม่เคยทำ ยืมจมูกนังฟ้างามหายใจตลอด แล้วเป็นไงล่ะ มันกุมอำนาจไว้หมด”

เมลานีนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนแย้มขึ้นมา “ที่จริงเมก็พอ

มีแผนแก้เผ็ดพวกมันอยู่นะคะแม่”

Wednesday, July 6, 2011

เมียแต่ง ตอนที่ 1

“ผมไม่แต่งงาน เด็ดขาด” เสียงคงไคยทายาทเพียงคนเดียวของคุณหญิงภวัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของพีวีเรียลเอทสเตทดังออกมาจากคฤหาสน์ภัครดีบริรักษ์

“แม่ไม่ใช่เพื่อนเล่นนะคงไทย คิดดูดีๆ ว่าแกมีสิทธิ์พูดคำนี้กับแม่ด้วยเหรอ” ภวันเสียงเข้ม ข้างกายมีทองถมทนายประจำตระกูลยืนเป็นกองหนุน

คงไคยเห็นแม่เอาจริงก็เสียงอ่อนอ้างว่า ปรุงฉัตรนางแบบที่ตนติดพันกำลังรุ่ง และเขากับเธอก็ยังไม่พร้อมจะมีครอบครัว ภวันสวนทันควันว่า ผู้หญิงที่จะแต่งงานกับคงไคยต้องไม่ใช่ปรุงฉัตร เพราะเธอต้องการให้ลูกมีเมียดีๆ ไม่ใช่ เหยื่อตกปลา

ส่วนปรุงฉัตรที่ถูกกล่าวถึงก็กำลังถ่ายแฟชั่นชุดเซ็กซี่พร้อมโพสท่าอย่างร้อนแรงเกินร้อย จนวายุช่างภาพหนุ่มต้องปราม เพราะมันเกินงาม สไตล์ลิสต์เข้ามาตีปากวายุเบาๆ เพราะกลัวปรุงฉัตรโกรธแล้วไม่ยอมถ่ายงานให้ เธอหันมามองวายุอย่างไม่ชอบใจนัก ก่อนลุกเดินไปหาซาซ่ากะเทย เพื่อนซี้ สั่งให้เอาโทรศัพท์มาให้เพราะจะคุยกับคงไคย ซาซ่า ร้องห้ามกลัวเสียงาน แต่ปรุงฉัตรไม่สน เธอรับโทรศัพท์มากดหาคงไคย แต่เขาไม่รับสาย จึงกดหาแต๋วแหววคนใช้บ้านภวันแทน

แต๋วแหววออกมาสืบข่าวให้ปรุงฉัตร ได้ยินภวันบอกกับคงไคยว่า จะให้เขาแต่งงานก็ตาวาวรีบเดินเลี่ยงออกไป ในขณะที่คงไคยยังยืนยันคำตอบเดิมว่า จะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่เลือกให้เด็ดขาด แล้วเดินหนี ภวันหนักใจ

หันมาสบตากับทองถม ทองถมรู้หน้าที่หันไปหยิบโทรศัพท์คงไคยเดินตามออกไป

แต๋วแหววมาหลบมุมจะโทร.หาปรุงฉัตร แต่คงไคย เดินหัวเสียออกมาจากห้องรับแขกผ่านมา แต๋วแหววรีบเก็บอาการ รอจนคงไคยเดินผ่านไปแล้วจึงโทร.รายงานปรุงฉัตรเรื่องภวันจะให้คงไคยแต่งงาน

“คุณคงไคยแต่งงานแล้วเกี่ยวอะไรกับแม่ อีกแล้วนะแม่ รู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้มันไม่โอเค” ตุ๊ดตู่เข้ามาทัก

“อะไรไม่โอเคเหรอตุ๊ดตู่” ทองถมตามออกมา

แต๋วแหววปิดปากตุ๊ดตู่ไว้ ทองถมเดาไว้ว่าแต๋วแหววโทร.หาใครจึงแกล้งพูดดังๆ “ได้ยินหมดแล้วสินะแต๋วแหวว คุณคงไคยกำลังจะแต่งงานกับคนที่เหมาะสมกับเขาที่สุด”

ปรุงฉัตรได้ยินทุกถ้อยคำ เธอมั่นใจมากๆว่า ตัวเอง

จึงกดวางสายแล้วหันไปอ้อนสไตล์ลิสต์

“พี่ขา วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนได้ไหมคะ ปรุงมีธุระ” ปรุงฉัตรไม่รอฟังคำตอบ เดินฉับๆออกไป

“ไหวไหมนังปรุง อย่ามาทำบีซี่ชะนีไม่ว่าง ธุระอะไรมิทราบ” ซาซ่าเข้าประกบ

“ก็ธุระเตรียมตัวให้พร้อม เพราะมีคนมาขอแต่งงานไง” ปรุงฉัตรฝันหวาน

ขณะที่ทองถมเดินตามคงไคยมาที่รถ คงไคยรีบดักคอเข้าใจว่า ทองถมคงมาพูดเรื่องแต่งงานอีก แต่ทองถมกลับยื่นโทรศัพท์ให้ “คุณลืมโทรศัพท์ครับรู้สึกจะมีมิสคอลแต่ผมไม่รู้ว่าใครโทร.มา เพราะไม่ได้ดู”

“มีเรื่องที่กุนซือใหญ่อย่างคุณทองถมไม่รู้ด้วยเหรอ ใช่สิเดี๋ยวนี้ผมคิดยังไงคุณยังไม่รู้เลย” คงไคยทำงอนแต่ยังยืนกรานจะไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาด

“ว่าแล้วต้องไม่เข้าใจ ถ้าคุณมีสิทธิ์เลือกก็ดีสิครับ” ทองถมสรุปตามสไตล์

คงไคยฉุนเถียงไม่ออก เลยเดินหนีขึ้นรถ

“หวังว่าคงจะไม่งอนจนลืมว่าพรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดที่พีวีอินเตอร์คอนเวนชั่นช่วงบ่าย และงานเลี้ยงขอบคุณช่วงค่ำนะครับ ผมเตรียมตั๋วเครื่องบินให้แล้ว ไฟลต์เดียวกับคุณหญิง ท่านพรุ่งนี้เช้า” ทองถมย้ำ

“ผมให้เลขาฯเปลี่ยนเป็นไฟลต์ค่ำนี้แล้ว” คงไคยยิ้มอย่างเป็นต่อ แล้วขับรถออกไป

ทองถมถอนใจเดินกลับมาหาภวัน รับคำสั่งให้เตรียมงานแต่งให้พร้อม เพราะมั่นใจว่าคงไคยไม่กล้าขัดใจเธอแน่ ทองถมฟ้องเรื่องคงไคยเปลี่ยนไฟลต์ไปภูเก็ตเป็นตอนค่ำอ้างว่ามีธุระ

“ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าธุระกับใคร ไม่เป็นไร ให้สั่งลากันซะให้พอ คุณทองถมช่วยเตรียมรถให้ด้วยนะ” ภวันลุกขึ้นไปเตรียมตัว ทองถมรับคำสั่งเดาไว้ว่าภวันจะไปไหน

ooooooo

ทองถมพาภวันมาหาอรุณกับประไพที่บ้าน เพราะทั้งสามเป็นเพื่อนรักที่รู้ใจกันเสมอ ประไพยกสละลอยแก้วฝีมืออรุณประไพมาเสิร์ฟ ภวันชื่นชมพลางขอคำตอบ เรื่องที่เธอสู่ขออรุณประไพให้กับคงไคย

“วันถามจริงๆเถอะนะ ทำไมต้องเป็นยายไพด้วย” อรุณข้องใจ

“ฉันเชื่อคำโบราณน่ะอรุณ โบราณว่าดูช้างให้ดูที่หาง ดูนางให้ดูที่แม่” ภวันมองประไพอย่างชื่นชม

“แต่เพื่อนมองเห็นฉันเป็นแม่หรือเป็นช้างกันแน่จ๊ะ” ประไพล้อ

ภวันระเบิดหัวเราะออกมา ทองถมมองเจ้านายพลอยมีความสุขไป ประไพกุมมือภวันขอร้องให้พักบ้าง เพราะรู้ว่าภวันป่วยเป็นโรคร้าย ภวันยืนยันว่ายังไหวแต่ไม่รู้ว่าจะไหว อีกนานแค่ไหน

“พวกนั้นยังตามราวีเธอไม่เลิกเหรอ” ประไพนึกห่วง

ภวันพยักหน้ารับพลางเอ่ย “คมสันเอาชีวิตปกป้องฉันกับคงไคยไว้ เขาอยากให้คงไคยได้ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากับฉันสร้างให้ลูก แต่ถ้าไม่มีฉัน ชีวิตคงไคยก็คง”

“เธอคิดว่าพวกนั้นจะเก็บคงไคย”

“การตายของคมสันมันบอกจุดประสงค์พวกนั้น และพวกมันคงไม่หยุดจนกว่าจะได้ในสิ่งที่พวกมันต้องการ ฉันมองไม่เห็นใครแล้วนะประไพ ตอนนี้มีแค่หนูไพเท่านั้นที่จะดูแลคงไคยได้”

“แต่การแต่งงานจะกันคงไคยออกจากพวกนั้นได้จริงเหรอ”

“ฉันไม่ได้คิดใช้หนูไพเป็นหนังหน้าไฟนะ แต่ฉันเชื่อว่าหนูไพจะเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมที่จะอยู่เคียงข้างคงไคยเธอสองคนเคยช่วยชีวิตฉันกับลูกมาแล้วครั้งหนึ่งช่วยฉันอีกสักครั้งได้ไหม”

“พูดอะไรแบบนั้นวัน ตอนที่ฉันเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน ฉันก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ฉันเองก็เป็นหนี้ชีวิตเธอ” ประไพกับภวันมองหน้ากัน รู้ว่าสายใยแห่งความเป็นเพื่อนและบุญคุณไม่สามารถวางเฉยหากอีกฝ่ายเดือดร้อนได้

“เราสองคนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรหรอกนะวัน แต่ปลูกเรือนก็ต้องตามใจผู้อยู่” อรุณออกตัว

“ฉันเข้าใจ แต่ฉันไม่ไว้ใจใครแล้วนอกจากพวกเธอ แล้วหนูไพล่ะว่าไงบ้าง”

“รู้เรื่องแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรกัน เขาก็ไปทำงานที่ภูเก็ตตามที่เธอขอ” ประไพตอบ

ภวันยิ้มมีความหวัง เธอหันไปมองรูปถ่ายเก่าๆของทั้งสองครอบครัวที่ถ่ายคู่กันไว้ เห็นคงไคยในวัยเด็กนั่งอยู่บนตักภวันเช่นเดียวกับเด็กหญิงอรุณประไพที่นั่งอยู่บนตักประไพ

วันเวลาผ่านไป เด็กหญิงอรุณประไพในภาพเติบโตเป็นหญิงสาวงดงาม และวันนี้เธอก็ช่วยงานภวันที่ภูเก็ต อรุณประไพบรรจงจัดแต่งอาหารบนโต๊ะเพื่อให้กับธีมของโครงการ “ไข่มุกแห่งอันดามัน” เชฟเคนเข้ามาชื่นชม เพราะถ้าไม่ได้อรุณประไพมาช่วยอาหารที่เขาก็คงไม่ดูดีขนาดนี้

“ธีมของงานก็เน้นให้เข้าถึงธรรมชาติอยู่แล้ว ไพก็ได้ไอเดียจากธีมของงานนี่ล่ะค่ะ” อรุณประไพออกตัว

“สวยอย่างที่ธรรมชาติสรรค์สร้างใช่ไหม สมเป็นฟู้ดสไตล์ลิสต์ระดับชาติจริงๆ”

“แต่หัวใจสำคัญก็คือรสชาติของอาหาร ถ้าไม่ใช่ฝีมือเชฟหนึ่งในห้าของเอเชียอย่างเชฟเคน ความสวยงามก็ไม่มีความหมาย”

“เอ้า ยอกันไปยอกันมาแบบนี้ สงสัยวันนี้เราสองคนไม่ต้องกินข้าวกันแล้วล่ะ” เชพเคนล้อแล้วซักต่อ “ฟู้ดสไตล์ลิสต์ระดับชาติแถมคิวทองอย่างไพ ไม่รู้ว่าคุณหญิงภวันท่าน

ร่ายมนตร์อะไร ถึงได้ตัวไพมาร่วมงาน ไปรู้จักกันตอนไหนครับ”

อรุณประไพอ้ำอึ้ง ยังไม่ทันตอบ ภวันกับทองถมเข้ามา ภวันหยิบดอกไม้ที่อรุณประไพแกะสลักขึ้นมาดูอย่างชื่นชมแล้วส่งให้ทองถมพลางเอ่ย “คุณคิดว่าคนที่จะบรรจงแกะสลักได้ละเอียดทุกกลีบขนาดนี้ จะเป็นคนที่ใจเย็นและหนักแน่นขนาดไหน สงสัยคงต้องให้หนูอรุณประไพแกะสลักคงไคยให้สวยงามกับเขาสักคน”

อรุณประไพยิ้มถ่อมตัวรับคำชม เชฟเคนงงถามภวันว่า จะให้คงไคยเรียนแกะสลักหรือ

“เชฟครับ ผมมีเรื่องงานจะปรึกษา เชิญทางโน้นหน่อยได้ไหมครับ ว่าแล้วต้องไม่เข้าใจ” ทองถมพาเชฟเคนออกไป

ส่วนอรุณประไพก็พาภวันกันเดินชมรอบๆห้องจัดเลี้ยงพร้อมรายงานผลการทำงานในส่วนจัดเลี้ยงที่เธอรับผิดชอบ ภวันพอใจในความคล่องแคล่วขันแข็งของอรุณ– ประไพ เธอเอ่ยถามหญิงสาวว่า ได้เจอคงไคยหรือยัง อรุณประไพไม่ทันได้ตอบ ก็หันไปเห็นณรงค์เดินคุยกับโปรดิวเซอร์ที่คุมอีเวนต์บนเวที เธอเข้าใจว่าเขาคือคงไคยก็นึกชื่นชม แต่เนื้อทิพย์กับประกอบเดินเข้ามาพอดี



เนื้อทิพย์ต่อว่าภวันที่ปล่อยให้ณรงค์ลูกชายของเธอทำงานเพียงคนเดียว ทั้งๆที่คงไคยเป็นประธานดูแลโครงการนี้ ภวันเครียด อรุณประไพสังเกตเห็น รีบเปลี่ยนเรื่องยกถาดน้ำตะไคร้เข้ามาให้ทุกคนดื่มเป็นเวลคัมดริ๊งก์ เนื้อทิพย์มองอรุณประไพด้วยสายตาเหยียดหยาม ภวันสังเกตเห็นรีบแนะนำ

“นี่คุณอรุณประไพฟู้ดสไตลิสต์ระดับประเทศ ฉันฉกตัวมาช่วยงานของเรา”

“ขอบคุณมากนะหนู ฝีมือการตกแต่งทั้งหมดของหนูใช่ไหม” ประกอบแสดงมารยาทตามเกม

“ไพแค่วาดคอนเซปต์ ที่เหลือน้องๆของเชฟเคนเป็นคนจัดการ” ประไพยิ้มรับ

ทุกคนมองอรุณประไพอย่างชื่นชม ยกเว้นเนื้อทิพย์

ณรงค์ขอตัวไปเตรียมตัวประชุมในตอนบ่าย เขาส่งยิ้มให้อรุณประไพอย่างเป็นมิตรแล้วเดินออกไป ประกอบกับเนื้อทิพย์ตามลูกชายออกไปด้วย

อรุณประไพหันมามองภวัน ภวันจึงบอกว่า นั่นไม่ใช่คงไคย อรุณประไพนิ่วหน้าอยากรู้ว่าตอนนี้พ่อตัวแสบของภวันอยู่ที่ไหน

ooooooo

คงไคยตามมาเฝ้าปรุงฉัตรถ่ายแบบชุดว่ายน้ำอยู่บนเรือยอชต์ มีวายุเป็นช่างภาพ เขาชักหึงที่เห็นวายุจ้องปรุงฉัตรตาเป็นมัน เพราะเธอโพสได้เซ็กซี่เหลือเกิน เมื่อถ่ายชุดแรกเสร็จ คงไคยก็รีบนำเสื้อคลุมมาสวมทับบนตัวปรุงฉัตรทันที ปรุงฉัตรอมยิ้มรู้ว่าคงไคยหึง เธอแกล้งถามเขา เรื่องประชุมบอร์ด

“คุณก็รู้ว่าเรื่องเล็กๆแค่นั้นไม่ต้องถึงมือผม” คงไคยไม่มีท่าทีวิตกอะไร เพราะรู้ว่าณรงค์ทำหน้าที่แทนได้เป็นอย่างดี

ด้านณรงค์เขากำลังรายงานความคืบหน้าของโครงการให้คณะกรรมการฟังด้วยท่าทางสุภาพ ลุ่มลึกน่าเชื่อถือ คณะกรรมการพอใจกับผลการรายงานของณรงค์ ประกอบกับเนื้อทิพย์ ช่วยกันสร้างภาพให้ลูกชายเพราะอยากให้คณะกรรมการเห็นว่าณรงค์มีความสามารถมากกว่าคงไคยที่เป็นประธาน

ภวันเครียดหันมาสบตากับทองถม ทองถมรู้หน้าที่รีบลุกออกไปโทร.ตามคงไคยที่ยังสวีตกับปรุงฉัตรอยู่บนเรือท่ามกลางสายตาทีมงานนับสิบ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพราะเรือที่ใช้ถ่ายเป็นของคงไคย เมื่อได้โอกาสปรุงฉัตรก็เปรยกับคงไคยว่า วันนี้มีอะไรเซอร์ไพรส์เธอหรือเปล่า เพราะหวังจะให้เขาขอแต่งงาน แต่คงไคยยังไม่ทันตอบทองถมก็โทร.ตามให้กลับไปประชุม

“ไปเถอะค่ะ คุณโดดงานมาหาปรุงแบบนี้ถ้าคุณแม่คุณรู้ ปรุงก็คงโดนสวดยับแน่ คุณก็รู้ว่าท่านไม่ค่อยจะปลื้มปรุงเท่าไหร่ ไว้เจอกันที่งานเลี้ยงนะคะ” ปรุงฉัตรตัดบท

คงไคยยอมทำตาม เขาเดินออกไปสวนกับวายุที่จะเดิน เข้าไปวัดแสงให้ปรุงฉัตร แต่พอเห็นเธอกำลังเอาไอแพดอัพโหลด รูปของตัวเองกับคงไคยขึ้นพร้อมเขียนข้อความ “แหวว ก่อนสละโสด” ก็บ่นพึมพำว่า ทั้งโง่ทั้งเลว ใครได้เป็นฝาละมีซวยตาย

ปรุงฉัตรได้ยินก็ไม่พอใจหันมาวีนใส่ทีมงานหวังจะแกล้งวายุ แต่กลับโดนวายุสวนกลับอย่างไม่แคร์

ภวันดูนาฬิกาข้อมือ เริ่มหนักใจกลัวคงไคยมาไม่ทันประชุม เนื้อทิพย์เข้ามาเย้ยว่าลูกชายเธอเหมาะจะเป็นผู้ดูแลพีวีเรียลเอสเตทรุ่นต่อไปมากกว่าคงไคย

“เพื่อนรัก ธุรกิจก็คือธุรกิจ ใครชั้นเชิงเหนือกว่าก็ชนะ ก็เท่านั้นเอง”

“ชั้นเชิง รวมทั้งการใช้ลูกสาวเป็นเครื่องมือ ไม่สำเร็จหรอก ลูกชายฉันแยกได้ว่าอะไรคือเพชรแท้ อะไรคือเพชรเทียม” ภวันแย้ง

“แล้วป่านนี้ลูกชายเธอมัวแต่ไปแยกเพชรอยู่ที่ไหนล่ะ” เนื้อทิพย์ยิ้มเยาะ

ภวันหันมาทางทองถม ทองถมถอยฉากออกไปตามตัวคงไคย

อรุณประไพลงมาสั่งงานที่หน้าบริษัท แล้วจะขึ้นลิฟต์กลับไปห้องจัดเลี้ยง เธอพบคงไคยเดินควงกิฟท์เข้ามาในลิฟต์ ทั้งสองสวีตใส่กันอย่างไม่แคร์สายตา อรุณประไพทนไม่ไหวต้องกดเปิดลิฟต์ แต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดเฟิร์นผู้หญิงอีกคนของคงไคยก็พุ่งเข้ามาตบกิฟท์เพื่อทวงสิทธิ์ผู้มาก่อน กิฟท์ไม่ยอมตบสวน สองสาวตบตีกับอุตลุด อรุณประไพหันไปมองคงไคยคิดว่า เขาควรทำอะไรสักอย่าง

“พอได้แล้ว” คงไคยสั่งห้ามพอเป็นพิธี แต่ไม่มีใครฟัง

ทองถมมาถึงพอดี เขาเข้าห้ามสองสาวอย่างชำนาญจนอรุณประไพทึ่ง แล้วหันไปสั่ง รปภ. ว่าให้พาทั้งสองไปสงบสติอารมณ์ข้างนอก กิฟท์กับเฟิร์นหลบตาทองถมอย่างเกรงๆ แล้วตาม รปภ.ออกไป

“คุณไพครับ เชฟเคนตามหาตัวอยู่แน่ะครับ” ทองถมบอกกับอรุณประไพที่ยืนอึ้ง

คงไคยมองหน้าอรุณประไพเข้าใจว่า เธอเป็นผู้ช่วยของเชฟเคน

อรุณประไพรู้เดินออกไปหาเชฟเคน เป็นเวลาเดียวกับที่เนื้อทิพย์พาบรรดานักข่าวมาสัมภาษณ์ณรงค์ในฐานะหัวเรี่ยวหัวแรงของงานนี้ แต่ณรงค์โบ้ยให้นักข่าวไปสัมภาษณ์คงไคยแทนตามแผนของประกอบ เพราะตั้งใจจะฉีกหน้าคงไคยที่ไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับโครงการนี้เลย แต่คงไคยเอาตัวรอดด้วยการดึงตัวอรุณประไพมาช่วย

“โครงการของเราได้อบรมให้พนักงานทุกระดับเข้าใจถึงเป้าประสงค์เป็นอย่างดี” คงไคยเอ่ย

อรุณประไพอึ้งที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่เธอก็ช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี นักข่าวพากันชื่นชม ทำให้เนื้อทิพย์ไม่พอใจหันมาเล่นงานประกอบ

ด้านคณะกรรมการก็พอใจกับผลงานในครั้งนี้มากจึงเข้ามาชมคงไคยกับภวัน ภวันมองหน้าเนื้อทิพย์ทั้งสองสบตากันอย่างเชือดเฉือน

เมื่อแผนหักหน้าไม่สำเร็จ เนื้อทิพย์ก็ใช้แผนสองดึงปรุงฉัตรเข้ามาช่วย เธอพาปรุงฉัตรในชุดหรูเซ็กซี่มาร่วมงานเลี้ยงในตอนค่ำด้วย ปรุงฉัตรเข้ามากอดทักทายคงไคยและแสดงความยินดีกับความสำเร็จของโครงการ แต่จู่ๆ เฟิร์นก็เข้ามาเอาแชมเปญราดหัวปรุงฉัตรและจะตบซ้ำ แต่อรุณ–ประไพเข้ามาดึงไว้พร้อมกับพูดเตือนสติ เฟิร์นทำเหมือนคิดได้จำใจเดินออกไป

“เก่งนะเคลียร์ได้ทุกอย่าง” คงไคยชม

“ก็ผู้ชายอย่างคุณไม่คิดจะแก้ไขอะไรเลย ถามจริงๆ นะคะคุณมีปมด้อยอะไรหรือเปล่า ถึงได้ภูมิใจนักที่เห็นผู้หญิงตบตีกันเพราะคุณ คุณขาดหรือว่าเกินล่ะคะ” อรุณประไพจ้องคงไคยอย่างไม่กลัว

คงไคยโกรธจะเอาเรื่องอรุณประไพ แต่เชฟเคนเข้ามาขวางอ้างว่า ทองถมมีเรื่องจะคุยกับอรุณประไพแล้วพาหญิงสาวออกไปทันที

คงไคยแค้นจะตามไปเอาเรื่อง แต่ปรุงฉัตรเรียกไว้ คงไคยนึกได้เข้ามาดูแลปรุงฉัตร ปรุงฉัตรสวมบทนางเอกที่ถูกรังแกเรียกคะแนนสงสาร จนคงไคยหลุดปากออกมาว่า ตอนนี้เขามีเพียงเธอเท่านั้น

“ปรุงอยากให้ทุกคนรู้ว่าคุณเลือกปรุง ได้ไหมคะ ปรุงเข้าใจค่ะ ปรุงต้องอดทนและรอจนกว่าคุณจะพร้อม จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าปรุงคือคนที่เหมาะสม หวังว่ามันคงไม่นานเกินไปนะคะ ปรุงขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” ปรุงฉัตรทำเป็นน้อยใจออกไป

คงไคยมองตามพลางคิดหนัก ขณะที่ณรงค์คอยเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เมื่อเห็นปรุงฉัตรเดินไปห้องน้ำก็ตามมาเตือน “จะทำอะไรก็ให้นึกถึงหน้าคุณพ่อคุณแม่ไว้บ้างนะ มันจะเสียมาถึงบ้านเราได้”

“ทราบค่ะว่าคุณณรงค์รับอะไรต่ำไม่ได้ แต่กับคงไคย ใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน”

“แน่ใจเหรอว่า ถ้าคงไคยมันรู้จักเธอดีพอ เธอยังจะเป็นผู้หญิงที่เขาเลือก” ณรงค์จ้องปรุงฉัตรนิ่ง

“ก็คอยดูสิคะ คุณพี่ชาย” ปรุงฉัตรเน้นตอนท้ายแล้วเดินหนี

ooooooo

เชฟเคนพาอรุณประไพมาที่ลานจอดรถ อรุณ-ประไพมองเชฟเคนอย่างรู้ทันว่า เอาชื่อทองถมมาอ้างกับคงไคยเพื่อช่วยเธอ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร คงไคยก็ขับรถปาดหน้าแล้วเดินลงมาหาอรุณประไพ

“ฉันลืมไปว่ายังไม่ได้ให้รางวัลเธอเลย เธอจะเอาค่าเหนื่อยเท่าไหร่ ฉันไม่ชอบติดหนี้ใคร”

“คุณคงไคยคะ ถ้าสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่เงินล่ะคะ คุณจะให้ได้ไหม”

“ได้สิ เธออยากได้อะไรก็ว่ามา” คงไคยเข้าใจว่าอรุณประไพอยากได้ตัวเอง

“ขอบคุณค่ะ” ว่าแล้วอรุณประไพก็ตบหน้าคงไคยเข้าอย่างจัง “สิ่งที่ฉันอยากได้ที่สุดคือ อยากให้คุณรู้จักให้เกียรติผู้หญิงบ้าง วันนี้ฉันได้เห็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงของคุณถึงสามครั้ง สองครั้งแรกเกิดกับผู้หญิงที่ฉันไม่รู้จัก แต่ครั้งนี้มันเกิดกับตัวฉันเอง ฉันขอโทษที่ต้องเตือนสติคุณแบบนี้ แต่คิดว่าคนอย่างคุณถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็คงจะสะกดคำว่าสุภาพบุรุษไม่เป็น”

คงไคยหน้าชาจะก้าวเข้าหาอรุณประไพ เชฟเคนเข้าขวางขอร้องให้อรุณประไพขอโทษคงไคย

“ขอโทษนะคะ” อรุณประไพเอ่ย คงไคยกระหยิ่มคิดว่า เธอยอมขอโทษ แต่อรุณประไพหันไปหาเชฟเคน “ไพมีธุระต้องขอตัวกลับก่อน สวัสดีค่ะ” อรุณประไพเดินออกไปเลย


เชฟเคนเหงื่อแตกหันไปมองคงไคย คงไคยหน้าเสียตวาดใส่เชฟเคน “อบรมคนของคุณด้วย คราวหน้าผมไม่จบแค่นี้แน่”

คงไคยโมโหกลับไปนั่งในรถแล้วขับออกไป ส่วนอรุณประไพเมื่อเดินมาถึงรถก็เห็นปรุงฉัตรกำลังคุยกับเฟิร์นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เพราะทั้งหมดเป็นแผนของปรุงฉัตร เธอถึงกับอึ้งนึกหนักใจแทนภวัน

เมื่อกลับมาถึงบ้านอรุณประไพก็เล่าเรื่องหญิงสาวตบตีกันเพื่อแย่งคงไคยให้แม่ฟังพร้อมตำหนิคงไคยที่ทำเหมือนไม่รู้สึกผิดสักนิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงตบสั่งสอนไปหนึ่งฉาด ประไพตาโตถามลูกสาวว่า ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเรื่องที่ภวันมาขอร้องล่ะ อรุณประไพถอนใจไม่แน่ใจว่าควรทำตามคำขอของภวันหรือไม่ ขณะนั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น อรุณประไพลุกออกไปดู

ภุชงค์อดีตคนรักเข้ามาอ้อนวอนขอโอกาสกับอรุณประไพ เบญตามมาอาละวาดกล่าวหาว่า อรุณประไพจะแย่งสามีและพ่อของลูกในท้องเธอ อรุณประไพสุดทนสั่งให้ภุชงค์พาเบญกลับไปและอย่ามาอีกเพราะเธอกำลังจะแต่งงาน

“แม่คะ บอกคุณป้าภวันว่าไพตกลงแต่งงานค่ะ” อรุณ–ประไพเข้ามากอดแม่

ประไพนึกห่วงเตือนลูกว่า การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นและที่สำคัญอรุณประไพไม่ได้รักคงไคย “ความรักที่ไพเคยเชื่อมันไม่มีอีกแล้วค่ะแม่ และถ้าไม่ใช่เพราะคุณป้าวันนี้ไพคงไม่ได้กอดแม่อยู่ตรงนี้ ถ้าการแต่งงานของไพจะตอบแทนบุญคุณของคุณป้าได้ ไพจะทำค่ะแม่ ไพคิดดีแล้วค่ะแม่ อย่างน้อยการมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่ดีกับเรา มันก็น่าจะดีกว่าการอยู่เพื่อความรักที่มันตายไปแล้วนะคะแม่” อรุณประไพยืนยัน

ooooooo

เมื่อไม่อาจทัดทานลูกได้ ประไพก็จำใจโทร.บอกภวันว่า อรุณประไพยอมตกลงแต่งงานกับคงไคย ภวันดีใจมาก สั่งให้ทองถมนัดช่างมาวัดตัวคงไคยเพื่อตัดชุดเจ้าบ่าวเพราะงานวิวาห์จะมีขึ้นในอีกสองวัน

คงไคยรู้เรื่องก็โวยลั่นแล้วจะเดินหนี แต่ทองแถมเข้ามาขวางพลางค้นตัวคงไคยหยิบกระเป๋าเงินออกมาชักบัตรเครดิตและยึดกุญแจรถมาเก็บไว้ จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้ ตุ๊ดตู่ลากกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของคงไคยเข้ามา

“แม่ นี่มันอะไรกัน” คงไคยหันมาทางภวัน

“แกเลือกเอา ว่าจะทำตามที่แม่ขอหรือออกไปจากบ้านนี้แต่ตัว” ภวันยื่นคำขาด

คงไคยจ๋อยไม่กล้าขัดใจแม่จึงยอมทำตามคำบัญชา ทองถมเหลือบมองภวันที่ยิ้มอย่างพอใจ
หลังจากวัดตัวเสร็จ แฉล้มที่เป็นทั้งแม่บ้านและแม่นมก็ขึ้นไปช่วยจัดเสื้อผ้าให้คงไคยพลางเกลี้ยกล่อมให้คงไคยทำตามที่ภวันบอก เพราะรู้ดีว่าภวันรักคงไคยมากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก

“ผมรู้” คงไคยเหลือบมองไปที่รูปถ่ายหัวเตียง ภาพในอดีตแวบเข้ามาตอกย้ำ ทำให้คืนนั้นเขานอนฝันเห็นเรื่องราวเมื่อยี่สิบปีก่อน

คมสันรู้ว่ามีคนคิดจะกำจัดครอบครัวของตนเพื่อฮุบกิจการ จึงพาภวันกับคงไคยในวัยสิบสองปีหนีไปอยู่ที่ไร่ของอรุณ แต่ยังไปไม่ถึงคมสันก็โดนยิงตาย ภวันมองไปข้างหน้าเห็นทางเข้าไร่ของอรุณอยู่ไม่ไกล จึงตัดใจพาคงไคยวิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต คงไคยเสียหลักล้ม มือปืนก้าวเข้ามา ภวันกอดคงไคยไว้แน่นเอาตัวบังทางปืนไว้ เสียงปืนดัง ปังๆ คงไคยสะดุ้งตืี่นเหงื่อแตกพลั่ก

เขาปาดเหงื่อ พยายามทำตัวให้ปกติ ทองถมมาเร่งให้แต่งตัวเพราะเจ้าสาวมารอแล้ว คงไคยเซ็งบ่นว่าบ้าชัดๆที่ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้า

“ผมรับรองถ้าคุณเห็นเจ้าสาว คุณจะต้องเปลี่ยนใจ” ทองถมยิ้มมั่นใจ

คงไคยชักสงสัยจึงแอบเข้าไปในห้องแต่งตัวเจ้าสาว เขาพบอรุณประไพในชุดแต่งงานแบบไทยดูสวยสง่าก็ตกใจ แต่พอตั้งสติได้ก็ส่งยิ้มร้ายเอ่ยว่า “เซอร์ไพรส์จริงๆที่เป็นเธอ” แล้วเดินออกไป
อรุณประไพมองตามไม่รู้ว่าคงไคยจะคิดจะทำอะไรอีก

เมื่อได้เวลาประไพก็พาอรุณประไพออกมานั่งในห้องโถง เพื่อจดทะเบียนสมรส เห็นทุกคนมาพร้อมกันแล้วขาดเพียงคงไคยเท่านั้น ทองถมขยับจะไปตาม แต่คงไคย สวมเสื้อทีเชิ้ตกางเกงสามส่วนเดินลงมาพอดี ทองถมเข้าไปกระซิบเตือนเรื่องชุดที่ไม่เหมาะสม

คงไคยสวนว่าถ้าเขายอมทำตามคุณแม่สั่งชุดไหนก็ได้ทั้งนั้น แล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ อรุณประไพพร้อมถามแบบกวนๆ “ไง ชุดนี้ผมหล่อไหม”

“คุณนี่สะกดคำว่ากาลเทศะไม่เป็นจริงๆนะคะ” อรุณ–ประไพสวน

นายทะเบียนรีบทำหน้าที่เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวเซ็นชื่อในทะเบียนสมรส เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเวลาเดียวกับที่ครอบครัวของประกอบได้รับบัตรเชิญให้ไปร่วมงานฉลองสมรสของคงไคยกับอรุณประไพ เนื้อพิมพ์เจ็บใจที่ปรุงฉัตร

จับคงไคยไม่อยู่ ส่วนประกอบก็ฉุนจะไปต่อว่าคงไคยที่ไม่จริงจังกับปรุงฉัตร แต่เนื้อทิพย์ร้องห้ามแล้วออกไปหาปรุงฉัตรที่ร้านเบเกอรี่ของซาซ่า

ด้านปรุงฉัตรที่กำลังช่วย ซาซ่าโปรโมตร้านก็ถึงกับนั่งไม่ติดเมื่อแต๋วแหววโทร.มารายงานเรื่องคงไคยกำลังจดทะเบียนกับอรุณประไพ และยิ่งร้อนใจมากขึ้นเมื่อเนื้อทิพย์เอาบัตรเชิญงานวิวาห์ของคงไคยมาโยนใส่

Ooooooo

หลังจดทะเบียนเสร็จ คงไคยก็บอกกับทุกคนว่า ขอตัวไปนอนต่อแล้วลุกเดินออกไป ภวันโกรธมากสั่งให้แฉล้มช่วยส่งแขกแล้วตามขึ้นไปเล่นงานคงไคยพร้อมกับทองถม

ประไพเข้ามากอดอรุณประไพอย่างให้กำลังใจ

“ไพไม่เป็นไรค่ะแม่ คนเป็นเมียก็ต้องอดทนให้ได้ทุกอย่างไงคะ” อรุณประไพมุ่งมั่น

ภวันเข้ามาตำหนิคงไคย แต่คงไคยไม่รับฟังแถมยังเถียงว่า อรุณประไพเป็นผู้หญิงไม่ดี และที่ยอมแต่งงานกับเขาก็เพราะอยากได้เงิน ภวันจนใจไม่รู้จะบอกลูกอย่างไรจึงให้ทองถมพูดแทน
“ว่าแล้วต้องไม่เข้าใจคุณไพเป็นคนที่คุณหญิงเลือกมา คุณไม่ให้เกียรติคุณไพก็เหมือนไม่ให้เกียรติคุณหญิงด้วยผมว่าคุณคงไคยยอมตามใจท่านเถอะครับ”

“ผมก็ไม่เคยขัดใจแม่อยู่แล้ว ครั้งนี้ก็คงไม่”

“อ้อ คุณคงยังไม่เห็นผมจัดการส่งให้ครอบครัวคุณประกอบเรียบร้อยแล้วนะครับ” ทองถมส่งการ์ดให้แล้วเดินตามภวันออกไป

คงไคยเห็นการ์ดก็ร้องลั่น เพราะปรุงฉัตรคงรู้เรื่องแล้วแน่ แล้วปรุงฉัตรก็โทร.มาร้องไห้ร้องห่มนัดให้คงไคย ออกไปพบ เขารีบไปเคลียร์กับปรุงฉัตรทันที เขาบอกกับเธอว่า จำใจต้องแต่งงานตามความต้องการของแม่ “ปรุงเข้าใจค่ะแต่คงไคย ไม่มีผู้หญิงคนไหนรับได้หรอกนะคะที่คนที่ตัวเองรักต้องไปแต่งงานกับคนอื่น ปรุงยังคิดไม่ออกเลยว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง เมื่อเช้าที่ตื่นลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าคุณเป็นของคนอื่นแล้ว”

“ผมต้องทำยังไงปรุงถึงจะสบายใจ ผมยอมทำทุกอย่างถ้ามันทำให้ปรุงสบายใจ”

“ถ้าเป็นไปได้ ปรุงก็อยากให้คุณสัญญาว่าคุณจะกลับมา มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมคะ”
คงไคยนิ่งคิดแล้วยอมรับปาก “ได้ครับ ผมสัญญา ผมจะแต่งงานกับอรุณประไพแค่ปีเดียว ให้คุณแม่สบายใจ แล้วผมจะกลับมาหาคุณ”

“จริงเหรอคะคงไคย” ปรุงฉัตรโผเข้ากอดคงไคยพลางสะอึกสะอื้น “แล้วมันจะเป็นการขอที่มากไปไหมคะ ถ้าปรุงจะขอให้ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป ขอให้ทุกอย่างระหว่างเราเหมือนเดิม”
“ได้สิครับปรุง” คงไคยกอดปรุงฉัตรไว้แน่น

ปรุงฉัตรลอบยิ้ม พอใจที่แผนการสำเร็จ

Ooooooo

เช้าวันใหม่ อรุณประไพกับประไพเดินมาที่หน้าห้องแต่งตัวเพราะวันนี้จะมีพิธีรดน้ำสังข์ แต่ทั้งคู่ ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงภวันดุแฉล้มดังออกมาจากในห้อง ภวันกำลังตำหนิแฉล้มที่ไม่ยอมบอกเธอว่า คงไคยออกไปหาปรุงฉัตรตั้งแต่วานยังไม่กลับ

“มันก็รู้ว่าวันนี้วันแต่ง มันยังกล้า” ภวันโกรธเปิดประตูเดินนำทองถมออกมา เห็นอรุณประไพกับแม่ยืนอยู่ก็อึ้ง

“ขอโทษค่ะคุณป้าที่ไพมาช้า แต่งตัวทางไหนคะ” อรุณประไพส่งยิ้ม

“ในห้องเลยจ้ะ แม่แล่ม พาหนูไพกับคุณประไพเข้าไปทีสิ” ภวันรีบบอก

แฉล้มมารับอรุณประไพกับประไพเข้าไปในห้อง ภวัน แอบกระซิบถามทองถม “คุณว่าหนูไพเขา”

“ผมว่าคุณไพเลือกที่จะไม่แสดงออกมากกว่านะครับ”

“ฉันเลือกไม่ผิดจริงๆ แต่ตอนนี้เจ้าตัวแสบอยู่ไหน” ภวันถอนใจ

ปรุงฉัตรเข้ามามอร์นิ่งคิสปลุกคงไคยบอกว่าแปดโมงแล้ว คงไคยนึกขึ้นได้ทะลึ่งพรวดขึ้นมา ปรุงฉัตรรีบดึงไว้อ้อนให้อยู่ทานอาหารเช้าด้วยกันก่อน เพราะตั้งใจจะให้คงไคยไปไม่ทันฤกษ์ แต่ภวันโทร.มาตาม คงไคยไม่อยากให้แม่เสียใจ จึงหันมาจูบลาปรุงฉัตรแล้วรีบแต่งตัวออกไป ปรุงฉัตรมองตามอย่างไม่ยอมแพ้

อรุณประไพในชุดรดน้ำสังข์ยืนมองภาพสะท้อนตัวเองในกระจกพลางตั้งคำถามกับตัวเองว่า เธอตัดสินใจถูกจริงๆ หรือนี่ คงไคยก้าวเข้ามากระซิบป่วนประสาท “ถูกสิ เธอจะสบายไปตลอดชาติ”

“ก็จริงค่ะ แค่ต้องทนพฤติกรรมผู้ชายมักมากสักคน เสียชื่อนิดหน่อยแต่ที่ได้จากคุณ มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม” อรุณประไพ ปรับเปลี่ยนสีหน้าทันที

ที่มา ไทยรัฐ

เพลิงทระนง ตอนที่ 5

คืนนี้ สำอางเอาซุปงาดำไปให้ทองตราที่ห้องนอน พอตักเข้าปากทองตราชะงักถามว่าใครทำ สำอางบอกว่าคุณผ่องแผ้วทำ ทองตราทำหน้านึกพึมพำ “รสมือเหมือนกับ...”

“เหมือนสมัยก่อนที่คุณพิภัชเข้าครัวทำให้คุณท่านทาน...

แกคงได้สูตรกันมาน่ะค่ะ”

“เอาออกไปฉันไม่กิน” ทองตราชักสีหน้า เลื่อนโต๊ะอาหารออกไป สำอางถอนใจก่อนตัดสินใจพูด

“อิฉันอยากให้คุณท่านถามใจตัวเองสักหน่อยว่าทำไมถึงต้องทำใจแข็งกับคุณเพลิน คุณผ่องแผ้ว ทั้งที่เขาก็สำนึกผิดและตั้งใจมาขอโทษคุณท่านแล้ว...คุณท่านให้อภัยเขาสองคนเถอะนะเจ้าคะ อย่าทิฐิอีกเลย”

ทองตราไม่พูด แต่นิ่งไปครู่หนึ่ง สั่งสำอางว่า “ตามผ่องแผ้วขึ้นมาพบฉัน”

เมื่อผ่องขึ้นมานั่งนอบน้อมเจียมตัวอยู่ตรงหน้ารถเข็น ทองตราพูดเชิงประชดว่า ดูท่าทางสองแม่ลูกอยากรับใช้ตนเหลือเกิน บอกว่า

“บอกตามตรง ฉันยังไม่เชื่อใจเจตนาของเธอสองคนแม่ลูก แต่ในเมื่อเธออยากอยู่รับใช้ฉัน ฉันก็จะให้เธอได้สมใจ ต่อจากนี้เธอมาช่วยสำอางคอยอยู่รับใช้ฉันในเรือนใหญ่ เธอต้องหยิบจับงานทุกอย่างที่พอจะทำได้”

สำอางติงว่าเด็กรับใช้ในเรือนใหญ่ก็มีมากพอแล้ว ถูกทองตราปรามให้เงียบ แล้วพูดกับผ่องต่อ
“การจะมาเป็นสะใภ้ของชาตโยธินน่ะมันไม่ง่ายหรอก ฉันให้เธอเป็นได้แค่คนรับใช้ ยอมทำไหม”
เมื่อผ่องบอกว่าตนยอมทำทุกอย่างที่คุณหญิงสั่ง ทอง-ตราพูดอย่างตราหน้าว่า

“ดี แล้วฉันจะดูว่าเธอจะทนไปได้สักกี่น้ำ...ออกไปได้แล้ว”

ผ่องคลานเข่าออกห่างแล้วจึงลุกเดินไป สำอางมองตามอย่างเห็นใจ ในขณะที่ทองตราทำใจแข็งมองเมินไปทางอื่นเหมือนไม่แยแส

Ooooooo

เพลิงมาส่งน้ำฝนที่คอนโดฯ สิตาคอยรับน้องอยู่ด้วยความเป็นห่วง เห็นน้องเปียกปอนซ้ำยังเดินไม่ถนัดถามว่าไปโดนอะไรมา

น้ำฝนโทษว่าเพลิงเรื่องมากเลยทำให้ตนเป็นอย่างนี้ แล้วหันไล่เพลิงให้กลับไปได้แล้ว แต่สิตาเห็นเพลิงเปียก เรียกเขาให้ขึ้นข้างบนก่อน น้ำฝนเรียกพี่สาวทำหน้าไม่ชอบใจ เพลิงจึงจะกลับ

“คุณเพลิงอุตส่าห์ขับรถมาส่งจะให้กลับในสภาพแบบนี้คงไม่ดี ถ้าคุณเพลิงไม่สบายขึ้นมาทางเราคงไม่สบายใจ

อย่าเพิ่งกลับเลยนะคะ สิตาขอร้อง”

เมื่อเพลิงตามขึ้นไปข้างบน สิตาบอกให้เขาอาบน้ำก่อน ขืนกลับไปแบบนี้กว่าจะถึงบ้านเดี๋ยวไม่สบายแน่ บอกให้เขาเอาเสื้อผ้าใส่ตะกร้าไว้เดี๋ยวตนจะเอาไปซักอบให้ไม่เกินชั่วโมงก็คงเสร็จ

เพลิงพูดอย่างเกรงใจว่าเดี๋ยวตนจัดการเองดีกว่า สิตาจึงบอกทางไปห้องซักรีดให้ เดี๋ยวตนจะเตรียมอะไรร้อนๆให้ทาน พลางยื่นผ้าขนหนูและเสื้อคลุมอาบน้ำให้เพลิงก่อนแยกกันไป

น้ำฝนนอนแช่น้ำอุ่นแล้วรู้สึกข้อเท้าดีขึ้น จึงเอาตะกร้าผ้าชุดที่เปียกเดินออกจากห้อง ผ่านครัวเล็กๆที่สิตากำลังทำข้าวต้มให้เพลิงอยู่ แต่สิตาไม่เห็นน้องเดินผ่านไป

Ooooooo

เพลิงใส่ชุดคลุมอาบน้ำยืนรออยู่หน้าเครื่องอบผ้า เมื่อสัญญาณดังขึ้น เขาเปิดฝาหยิบเสื้อออกมาสะบัดเตรียมจะถอดเสื้อคลุม ก็พอดีน้ำฝนเข้ามาเห็น เธอตกใจปล่อยตะกร้าผ้าซักกระแทกเท้าที่เจ็บจนร้องโอ๊ย

“คุณน้ำฝนเป็นอะไรรึเปล่า” เพลิงตกใจจะเข้าไปช่วย กลับถูกน้ำฝนร้องห้ามมาแตะต้องตัว ซ้ำยังด่าว่า กล้ายังไงมาทำทุเรศแบบนี้ในบ้านตน ด่าว่าลามกโรคจิต

เพลิงไม่ยอมให้ด่าผิดๆ แต่พอชี้แจงก็ถูกน้ำฝนไล่ออกจากบ้านตนไปเลย เพลิงบอกว่าเธอนั่นแหละออกไป เพราะตนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วแกล้งทำท่าจะถอดเสื้อคลุม น้ำฝนรีบออกไปแทบไม่ทัน



สิตาทำข้าวต้มเสร็จตักยกมาให้เพลิงที่โต๊ะอาหาร นั่งดูเพลิงกินจนหมดถามว่า จะเติมอีกไหม เพลิงบอกว่าพอแล้วและขอตัวกลับ สิตาจะชงกาแฟให้อีกสักถ้วยก็ถูกน้ำฝนตัดบทว่า เขาอยากกลับก็ให้กลับไปยิ่งอยู่นานก็ยิ่งหงุดหงิด

“งั้นสิตาจะโทร.บอกให้ลีมูซีนของคอนโดฯไปส่งนะคะ” พูดแล้วลุกเดินนำเพลิงไป น้ำฝนมองตามพึมพำอย่างขวางหูขวางตาว่า

“คนอย่างนายหลอกพี่สิตาได้ แต่หลอกฉันไม่ได้หรอก”

Ooooooo

เมื่อได้ข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจนแล้ว นิรุตสั่งพักงานยามหน้าห้องฝังฐานมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเวลาทำงาน เมื่ออาณัติรู้ถามว่า ไปทำพิรุธให้เขาจับได้ หรือเปล่า

ยามปฏิเสธว่าไม่มี อาณัติหน้าเครียดรับปากว่าเรื่องเงินทองไม่ต้องห่วง ตนจะดูแลเอง ช่วงนี้ให้เก็บตัวเงียบๆไปก่อน แล้วบอกให้รีบออกจากห้องตนไปเสีย เดี๋ยวใครจะสงสัยตนขึ้นมา

เมื่อยามออกไปแล้ว อาณัติโทรศัพท์คุยกับไพโรจน์ขอหยุดงานที่รับไว้ชั่วคราวก่อน รอให้แน่ใจว่าไม่มีใครสงสัยตนแล้วค่อยคุยกันใหม่

“ปอดแหกอะไรขึ้นมาตอนนี้ก็ไม่รู้ กำลังขาขึ้นแท้ๆ” ไพโรจน์วางโทรศัพท์แล้วบ่นอย่างหัวเสีย
วางสายจากไพโรจน์แล้ว อาณัติได้รับโทรศัพท์จากน้ำฝนนัดไปพบกันที่ห้องทำงาน เพราะมีเรื่องสำคัญไม่สะดวกที่จะคุยทางโทรศัพท์

เมื่อพบกัน น้ำฝนฟ้องอาณัติเรื่องที่หาว่าเพลิงเป็นขโมย คิดจะงุบงิบต่างหูเพชรของตนที่เก็บได้ อาณัติผสมโรงปั้นน้ำเป็นตัวว่า เคยเห็นเพลิงไปด้อมๆมองๆแถวบ้านเหมือนกัน น้ำฝนตกใจถามว่าจะทำอย่างไรดี ขืนพูดโดยไม่มีหลักฐานเพลิงต้องไม่ยอมรับแน่ ซ้ำจะหาว่าเราไปกล่าวหาอีก

“สันดานโจรน่ะมันแก้ไม่หายหรอก พี่ว่าเอาเข้าจริงเราต้องเจอหลักฐานที่จะแฉมันได้ แต่พี่ต้องขอให้น้ำฝนไปเป็นพยานกับคุณยายด้วย คุณยายจะได้เห็นธาตุแท้ของหลานชายคนใหม่เสียที”

อาณัติวางแผนใช้น้ำฝนเป็นเครื่องมือ แล้วโทร.ไปหานาฎนรีถามว่าอยู่บ้านใช่ไหม ตนมีงานบางอย่างจะให้ช่วย

อาณัติวางแผนให้นาฎนารีเอาแหวนเพชรของตัวเองไปซ่อนไว้ใต้ฟูกของเพลิง โดยมีบุษกลคอยดูต้นทางให้ เสร็จแล้วสองแม่ลูกพากันออกจากห้องนอนเพลิงอย่างสะใจนัก!

แต่สองแม่ลูกหารู้ไม่ว่า ระหว่างนั้นมีสายตาคู่หนึ่งเห็นการกระทำทั้งหมดนั้นแล้ว!

Ooooooo

ด้วยความประทับใจความมีเมตตาอ่อนโยนของสิตาที่ทำแผลให้เด็กหญิงลูกชาวประมง ทั้งยังเอาผ้าพันคอของตัวเองพันแผลให้เด็ก วันนี้ชนนท์จึงไปเดินหาซื้อผ้าพันคอแล้วเอาไปให้เธอที่คอนโดฯ

สิตาขอบคุณแต่เขาไม่น่าลำบากเลย ชนนท์พูดอย่างชื่นชมว่าในเมื่อเธอมีน้ำใจให้เด็กเธอก็ควรได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน ถามว่าชอบไหม

“ชอบสิคะ แล้วคุณนนท์รู้ไหมคะว่าสีนี้น่ะสีโปรดของคุณแม่เลย”

ชนนท์หน้าเสียแล้วก็ยิ่งหน้าเจื่อนเมื่อสิตาถามว่า จะว่าไหมถ้าตนจะให้คุณแม่ใช้บ้าง ชนนท์ฝืนใจบอกว่าแล้วแต่เพราะตนให้เธอแล้ว

“ขอบคุณค่ะคุณนนท์ เย็นนี้คุณแม่จะขึ้นมาจากภูเก็ต สิตาจะต้องอวดคุณแม่เสียหน่อยแล้ว”

ตกกลางคืนสิตาเอาผ้าพันคอผืนนั้นไปให้แม้นมาศ ผู้เป็นแม่ติงว่าชนนท์ตั้งใจซื้อให้ลูกแล้วเอามาให้แม่ใช้เขาจะเสียน้ำใจแย่ สิตาเชื่อว่าเขาไม่คิดเพราะเราเป็นลูกค้าวีไอพีของเพชรไทย คุณแม่ใช้หรือตนใช้ก็เหมือนกัน เธอพูด

เสียจนแม้นมาศอดถามไม่ได้ว่า “แน่ใจนะว่าชนนท์เขาไม่ได้มาจีบสิตา”

“โธ่...คุณแม่คะ สิตากับคุณนนท์รู้จักกันมาหลายปีแล้วนะคะ ถ้าจะจีบสิตาเขาคงจีบไปนานแล้ว” สิตารับรองกับแม่ว่าไม่มีเรื่องนี้แน่นอน แม้นมาศมองผ้าพันคอในมือแล้วก็ยังอดคิดสงสัยไม่ได้
Ooooooo

คืนนี้เอง หน่อยก็ไปตามเพลิงที่เรือนคนสวนบอกว่า บุษกลให้ไปพบที่เรือนใหญ่


บุษกลถามเพลิงว่า แหวนเพชรของนาฎนรีหายเขาเห็นบ้างไหม เพลิงบอกว่าไม่เห็น อาณัติแทรกขึ้นว่า ตอนแรกตนก็คิดว่าน้องไปทำตกที่ไหน แต่พอได้คุยกับน้ำฝนแล้วก็อดสงสัยเขาไม่ได้ เพลิงมองน้ำฝนเชิงถาม น้ำฝนจึงบอกว่าตนเล่าให้อาณัติฟังเรื่องที่ไปพบเขาที่โรงงานคืนนั้น

“ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมอยู่เรียนงานกับหัวหน้า” เพลิงชี้แจงอีกครั้งก็ยังถูกน้ำฝนตั้งข้อสงสัยว่าเห็นเขาอยู่คนเดียว ทองตราตัดบทว่าอย่ามัวเถียงกันอยู่เลย อยากทำอะไรก็รีบจัดการเสียจะได้แยกย้ายกันไปเสียที

“ผมยินดีให้พวกคุณค้นบ้านถ้าต้องการ” เพลิงเอ่ย บุษกลบอกนาฎนรีว่า ให้คุณยายไปด้วยจะได้เป็นพยาน แต่ทองตราไม่ไปเพราะจะขึ้นไปไหว้พระ ทั้งยังบอกว่า
“จะไปทำไม ยังไงฉันก็เชื่อว่านรีจะต้องได้แหวนคืน”

แม้บุษกลกับนาฎนรีและอาณัติจะไม่ชอบใจ แต่เมื่อทองตรายืนกรานไม่ไป สามแม่ลูกจึงไปกับเพลิง

นาฎนรีกับอาณัติทำทีค้นที่อื่นจนข้าวของกระจุยกระจาย แต่ไม่เจอก็ชวนกันเข้าไปค้นที่ห้องนอนเพลิง ทำเป็นค้นที่อื่นครู่ใหญ่จึงมาค้นที่เตียงนอน แต่พอยกฟูกดูไม่เห็นแหวน นาฎนรีตกใจว่ามันหายไปไหน ค้นใต้เตียงก็ไม่เจอเริ่มเอะใจ มองหน้าบุษกลกับอาณัติ

บุษกลเห็นลูกเริ่มตื่นตกใจก็จับแขนเตือนสติถามเบาๆว่า ไปทำตกที่อื่นหรือเปล่า นาฎนรียืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะแหวนวงนี้ตนใส่ติดนิ้วตลอดเวลา

ทันใดนั้น สำอางถือแหวนยื่นมาถามว่าใช่แหวนวงนี้หรือเปล่านาฎนรีดีใจมากรีบบอกว่าใช่ ตนใจหายหมดเลย สำอางพูดเป็นนัยว่า เพิ่งจะใจหายตอนนี้ความรู้สึกไม่ช้าไปหน่อยหรือ บุษกลถามว่าไปเจอได้ยังไง พลางจ้องหน้าสำอางอย่างจับผิด

“เห็นมันตกอยู่ที่สนามหญ้าน่ะค่ะ ตอนแรกนึกว่าใครจงใจมาทำตกไว้ให้อีฉันหาเจอเสียอีก”

บุษกลกลัวความแตก เลยกลบเกลื่อนตัดบทว่าเจอก็ดีแล้ว หันไปขอบใจผ่องที่ให้มาค้นในบ้าน ทำเป็นเกรงใจว่าพวกเรามาทำให้บ้านวุ่นวายไปหมด

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันกับลูกช่วยกันจัดใหม่ได้ ถือว่าโชคดีแล้วล่ะค่ะที่คุณนรีได้ของคืน” ผ่องพาซื่อ

จึงกลายเป็นเรื่องที่หลายคนต่างมองหน้ากันอย่างสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่

น้ำฝนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรกับใคร อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อแหวนติดนิ้วนาฎนรีตลอดเวลา แล้วไปตกที่สนามได้ยังไง อาณัติแก้ต่างแทนน้องว่า บางทีเพลิงอาจเป็นคนเอาไปทิ้งที่สนามเพื่อปัดผิดให้พ้นตัวก็ได้ เพราะคนคนนี้ร้ายกาจกว่าที่เราคิดไว้เยอะ

“ก็คงเป็นอย่างพี่ณัติว่า” น้ำฝนหูเบาถูกอาณัติเป่าหูอีกว่าถึงได้แหวนคืนตนก็ยังไม่ไว้ใจเพลิงอยู่ดี ขอให้น้ำฝนช่วยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย “ถ้ามีอะไรให้น้ำฝนช่วยก็บอกนะคะพี่ณัติไม่ต้องเกรงใจ”

อาณัติปากหวานว่า เพราะน้ำฝนดีอย่างนี้นี่เองถึงทำให้ตนรักมากขึ้นทุกวัน และจะหอมแก้มเธอ น้ำฝนรีบเบี่ยงหลบกลัวใครมาเห็น อาณัติอ้อนอ่อนหวานว่า “ไม่เห็นเป็นไร ก็เราเป็นคู่หมั้นกัน”

“น้ำฝนกลับก่อนนะคะ” น้ำฝนรีบขึ้นรถขับออกไป อาณัติมองตามแล้วกำมือฮึดฮัดที่แผนล้มเหลว

Ooooooo

สำอางขึ้นไปหาทองตราที่ห้องพระ ทองตราถามว่าคืนแหวนให้นรีแล้วใช่ไหม

“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะคุณท่าน...โชคดีของคุณเพลิงที่อิฉันไปเห็นคุณบุษกับคุณนรีทำลับๆล่อๆอยู่แถวบ้านสวนเสียก่อน ไม่งั้นทั้งสองคนก็คงไม่รู้จะแก้ตัวยังไง”

สำอางเล่าถึงตอนที่ตนเห็นบุษกลกับนาฎนรีทำท่าพิรุธตามไปดูจึงเห็นทุกอย่างตามที่เล่ามา

“นี่ถ้าแผนของคุณบุษสำเร็จ คนดีๆอย่างคุณเพลิงคงต้องแย่แน่ๆ”

“ยัยบุษกับลูกก็ร้ายจริงๆ แต่ถึงยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่ได้พิสูจน์ว่า เพลิงเป็นคนดีหรอกนะ ครั้งนี้เขาโดนใส่ร้าย แต่ก็ไม่แน่ ครั้งหน้าถ้าสบโอกาสเขาอาจจะกล้าทำอะไรที่เลวร้ายก็ได้”

“สรุปว่าคุณท่านยังไม่ใจอ่อนอยู่ดีใช่ไหมเจ้าคะ”

“เพลิงจะเป็นเพชรแท้รึเปล่า ฉันคงต้องดูต่อไป” ทองตรายังสีหน้าขรึม จนสำอางหนักใจแทนเพลิง

ที่มา ไทยรัฐ

Tuesday, July 5, 2011

เพลิงทระนง ตอนที่ 4

น้ำ​ฝน​พูด​แซว​พี่​สาว​แล้ว​เห็น​ทั้ง​สิ​ตา​และ​ชน​นท์​ต่าง​เขิน​ด้วย​กัน​ทั้ง​คู่ เลย​ยิ่ง​แน่ใจ​ว่า​ทั้ง​สอง​มี​ใจ​ให้​กัน

ดังนั้น เมื่อ​แม้น​มา​ศ​ผู้​เป็น​แม่​บอก​น้ำ​ฝน​ให้​หัน​มา​สนใจ​ช่วย​งาน​ของ​สิ​ตา​บ้าง อย่า​มัว​แต่​สนุก​กับ​การ​ทำ​รายการ​ทีวี น้ำ​ฝน​บอก​แม่​ว่า​ไม่​ต้อง​ห่วง​ว่า​สิ​ตา​ไม่​มี​คน​ช่วย​และ​ยิ่ง​ไม่​ต้อง​ห่วง​ว่า​พี่​สาว​จะ​ขึ้นคาน​ทอง

“น้ำ​ฝน​เจอ​ใคร​ที่​เหมาะ​กับ​พี่​เขา​แล้ว​เหรอ” แม้น​มา​ศ​ ถาม​อย่าง​สนใจ ตื่นเต้น

“ก็​พี่​นนท์​ไง​คะ น้ำ​ฝน​พูด​เต็มปาก​เต็ม​คำ พอ​แม่​มอง​อย่าง​สงสัย เธอ​ทำ​เสียง​แหลม​ทะเล้น​ว่า “ถูกต้อง​แล้ว​คร้าบบบบ วัน​นี้​น้ำ​ฝน​ไป​เห็น​อะไร​ดีๆมา​ค่ะ”

ฝ่าย​หลิน ก็​เฝ้า​คิดถึง​และ​รอ​การก​ลับ​มา​ของ​เพลิง จน​เถ้าแก่​เฮง​ผู้​เป็น​เตี่ย​ถาม​ว่า​ใจคอ​จะ​ไม่​ทำ​งาน​ทำ​การ​เลย​หรือ แล้ว​ถ้า​เพลิง​ไม่​กลับ​มา​จะ​รอ​แบบ​นี้​ไป​จน​แก่​รึ​ไง เตือนสติ​ลูก​สาว​ว่า

“เพลิง​อี​ไม่​ใช่​คน​เดิม​แล้ว อี​เป็น​หลาน​คน​รวย ครอบครัว​อี ก็​อยู่​กรุงเทพฯ ลื้อ​เอา​ติ่ง​หู​คิด​สิ ถ้า​เป็น​ลื้อ ลื้อ​จะ​กลับ​ไหม”

ฟัง​เตี่ย​แล้ว​หลิน​ยิ่ง​สับสน​ว้าวุ่น​ใจ กลัว​เพลิง​จะ​ไม่​กลับ​มา​จริงๆ

เวลา​เดียวกัน ผ่อง​อยู่​ที่​เรือน​คนสวน​บ้าน​ปาง​พญา ปรารภ​กับ​เพลิง​อย่าง​วิตก​ว่า ถ้า​ทอง​ตรา​ไม่​ใจอ่อน​จะ​ทำ​อย่างไร เพลิง​กุม​มือ​แม่​ให้​กำลังใจ​ว่า เรา​ก็​จะ​พยายาม​ต่อ​ไป พรุ่งนี้​ท่าน​ก็​จะ​กลับ​มา​แล้ว ตน​จะ​หา​ทาง​พูด​กับ​ท่าน​ให้​ยก​โทษ​ให้​พ่อ​กับ​แม่​ให้​ได้ ผ่อง​พยัก​หน้า​แหงน​มอง​ไป​ใน​อากาศ​พึมพำ...

“พี่​ภัช...​หัวใจ​พี่​ภัช​อยู่​กับ​ท่าน...พี่​ช่วย​ดลบันดาล​ให้​ท่าน​ใจอ่อน ยอม​ยก​โทษ​ให้​เรา​สอง​คน​ด้วย​นะ​จ๊ะ” พูด​พลาง​ บีบ​มือ​กับ​เพลิง​อย่าง​ให้​กำลังใจ​กันและกัน

ooooooo

เช้า​วัน​รุ่ง​ขึ้น ทอง​ตรา​กลับ​บ้าน​ปาง​พญา​แล้ว พอ​มา​ถึง​บ้าน​บุ​ษ​กล​กับ​นา​ฎน​รี​รีบ​ออก​ไป​ต้อนรับ ทอง​ตรา​ถาม​ถึง “สอง​แม่​ลูก” ว่า​กลับ​ไป​หรือ​ยัง

“พี่​เพลิง​กับ​ป้า​ผ่อง​ยัง​อยู่​ที่​เรือน​คนสวน​ครับ ​ถ้า​คุณ​ย่า​อยาก​เจอ​ผม​จะ​ให้​คน​ไป​ตาม” ชน​นท์​รีบ​บอก แต่​ถูก​บุ​ษ​กล​พูด​กันท่า​ว่า ตน​ไม่​แน่ใจ​ว่า​สอง​คน​นั้น​มา​ดี​หรือ​มา​ร้าย เลย​ให้​อยู่​ที่​เรือน​คนสวน​ไป​ก่อน หลังจาก​นั้น​ก็​แล้วแต่​แม่​จะ​ตัดสินใจ แต่​ก็​เป่าหู​ทิ้งท้าย​ว่า



“แต่​คุณ​แม่​คิด​ให้​ดี​ก่อน​แล้วกัน​นะ​คะ เพราะ​สอง​คน​นั้น​อาจจะ​มา​ทวง​ทุกอ​ย่าง​ที่​เคย​เป็นของ​พี่​ภั​ชก​ลับ​คืน​ก็ได้”

ทอง​ตรา​นิ่ง​ไป​ครู่​หนึ่ง แล้ว​บอก​ให้​ไป​ตาม​สอง​คนนั้น​ มา​หา​ตน​ที่​ห้อง​ทำ​งาน บุ​ษ​กล​กับ​นา​ฎน​รี​กุลีกุจอ​ไป​ทันที นิรุต​กับ​ชน​นท์​มอง​หน้า​กัน​อย่าง​นึก​ห่วง​เพลิง​และ​ผ่อง​ขึ้น​มา

ooooooo

เมื่อ​ผ่อง​กับ​เพลิง​มา​พบ​ทอง​ตรา​ที่​ห้อง​ทำ​งาน สอง​แม่​ลูก​ก็​ยัง​ย้ำ​เจตนา​เดิม​ที่​ต้องการ​มาก​ราบ​ขอโทษ​เรื่อง​ในอดีต ผ่อง​บอก​ว่า​พิภัช​สำนึก​ผิด​และ​อยาก​มา ก​ราบ​ขอโทษ​คุณหญิง​แม่​จริงๆ

ทอง​ตรา​ถาม​อย่าง​เย็น​ชา​ว่า มัน​ไม่​ง่าย​ไป​หรือ​ที่​จะ​มา​พูด​แค่​นี้​แล้ว​ให้​ตน​ลืม​ความ​เจ็บปวด​ใน​อดีต

“ผม​ไม่ได้​คาด​หวัง​ว่า​ย่า​จะ​ต้อง​ยก​โทษ​ให้​พ่อ​กับ​แม่​ผม​เดี๋ยวนี้​หรอก​ครับ แต่​ถ้า​ผม​จะ​ทำ​อะไร​เพื่อ​ชดเชย​ความ​ผิด​ใน​อดีต​ของ​พ่อ​กับ​แม่​ได้ ผม​ก็​ยินดี​ทำ​ทุก​อย่าง”

“ของ​บาง​อย่าง​ที่​มัน​เสีย​ไป​แล้ว ไม่​ว่า​จะ​ซ่อมแซม

​ยัง​ไงมัน​ก็​ไม่​มี​ทาง​เป็น​เหมือน​เดิม​ได้​หรอก”

“ย่า​พูด​ถูก​ครับ แก้ว​ที่​มัน​แตก​ไป​แล้ว​มัน​ทำให้​กลับ​เป็น​เนื้อ​เดิม​ไม่ได้ แต่​ผม​เชื่อ​ว่า​สายใย​ของ​ย่า​กับ​พ่อ​มัน​ไม่​ใช่​อย่าง​นั้น มัน​น่า​จะ​เป็น​เหมือน​น้ำ​ที่​ไม่​ว่า​เรา​ตี​ให้​แตก​จาก​กัน​ยัง​ไง มัน​ก็​กลับ​มา​รวม​กัน​ได้​เหมือน​เดิม” เพลิง​พูด​เรียบๆทว่า​หนักแน่น ทำให้​ทอง​ตรา​มอง​หน้า​หลาน​ชาย​อย่าง​ชั่งใจ

บุ​ษ​กล​กับ​นา​ฎน​รี​แอบ​ดู​อยู่ ต่าง​กังวล​กลัว​ทอง​ตรา​จะ​ใจอ่อน

ooooooo

เมื่อ​กลับ​ถึง​เรือน​คนสวน ผ่อง​พูด​ให้​กำลังใจ​เพลิง​ว่า​ได้​พยายาม​พูด​แล้ว แต่​สุดท้าย​ก็​ต้อง​ขึ้น​กับ​คุณ​ย่า​ว่า​จะ​ยอม​ให้อภัย​พ่อ​กับ​แม่​หรือ​เปล่า

“ผม​อยาก​ทำ​อะไร​เพื่อ​พ่อ​ได้​มาก​กว่า​นี้ อยาก​ทำให้​ความ​ตั้งใจ​ของ​พ่อ​สำเร็จ...แต่​เรา​คง​ไม่​มี​โอกาส​แล้ว​ล่ะ​ครับ​แม่” เพลิง​พูด​อย่าง​สะท้อนใจ

นิรุต​กับ​ชน​นท์​พยายาม​ช่วย​กัน​พูด​ให้​ทอง​ตรา​ให้โอกาส​เพลิง​ได้​พิสูจน์​ตัว​เอง​ก่อน​ที่​จะ​ให้​กลับ​ไป ชน​นท์​พูด​กับ​ย่า​ว่า เพลิง​อาจจะ​ทำให้​คุณย่า​ลืม​เรื่อง​อดีต​แล้ว​มี​ความ​สุข​กับ​ปัจจุบัน​ได้


“แล้ว​ถ้า​สอง​คน​นั้น​มา​เพื่อ​จะ​ทวง​สิ่ง​ที่​เป็น​ของ​พิภัช​จริงๆ ฉัน​ไม่​ต้อง​ช้ำใจ​รอบ​สอง​เหรอ” ทอง​ตรา​ระแวง กังวล แล้ว​จึง​บอก​นิรุต​กับ​ชน​นท์​ว่า “พิภัช​ถือ​หุ้น​อยู่​ใน​เพชร​ไทย​ยี่สิบ​เ​ปอ​ร์​เซ็นต์ ให้​ทั้ง​สอง​คน​ขาย​หุ้น​คืนให้​บริษัท​เสีย​จะ​ได้​เงิน​จาก​การ​ขาย​หุ้น​ที่​พอ​จะ​ทำให้​สอง​แม่​ลูก​อยู่ดีกินดี​ไป​ทั้ง​ชาติ หวัง​ว่า​แค่​นี้​เขา​คง​พอใจ​นะ”

นิรุต​กับ​ชน​นท์​นิ่ง​อึ้ง​ที่​ทอง​ตรา​ไม่​ยอม​ใจอ่อน แต่​เมื่อ​ทั้ง​สอง​ไป​บอก​เพลิง​กับ​ผ่อง​ตาม​ที่​ทอง​ตรา​พูด เพลิง​มอง​นิรุต​กับ​ชน​นท์​ที่มา​บอก​ข่าว​นิ่ง​นาน​จน​ผ่อง​ถาม​ว่า​มี​อะไร​หรือ

“ผม​คิด​ว่า​เรา​ไม่​ต้อง​กลับ​ระนอง​แล้ว​ครับ​แม่ ถ้า​พ่อ​มี​หุ้น​ใน​เพชร​ไทย ก็​เท่ากับ​ว่า​ผม​มี​สิทธิ์​ใน​เพชร​ไทย​เหมือน​กัน ผม​จะ​ไม่​ขาย​หุ้น​ครับ แต่​จะ​ใช้​มัน​อ้าง​สิทธิ์​ใน​การ​อยู่​ที่​นี่​ต่อ”


ทั้ง​ผ่อง นิรุต และ​ชน​นท์ ต่าง​ตื่นเต้น​เห็น​ด้วย​กับ​ความ​คิด​ของ​เพลิง

ooooooo

บุ​ษ​กล​ดีใจ​มาก​กับ​การ​ตัดสินใจ​ของ​ทอง​ตรา คิด​ว่า​ผ่อง​กับ​เพลิง​คง​กลับ​ระนอง​ไป​แล้ว เข้า​มา​ประจบ​แม่​ว่า​ไม่​ต้อง​ห่วง ต่อ​ไป​นี้​ตน​จะ​ดูแล​ทุก​อย่าง​แทน​คุณ​แม่​เอง รวม​ทั้ง​เพชร​ไทย​ด้วย

ทอง​ตรา​มอง​หน้า​ลูก​สาว​อย่าง​รู้ทัน​ความ​คิด ก็ได้​แต่​มอง​อย่าง​เหนื่อย​ใจ

เวลา​เดียวกัน เมื่อ​เพลิง​ตัดสินใจ​เช่น​นั้น​แล้ว เขา​หยิบ​กระเป๋า​สตางค์​ที่​มี​รูป​พ่อ​ขึ้น​มา​บอกกล่าว​ว่า

“พ่อ​ครับ ผม​จะ​ทำ​ทุก​อย่าง​ให้​ย่า​ยก​โทษ​เรื่อง​อดีต​ของ​พ่อ​กับ​แม่​ให้​ได้”

รุ่ง​ขึ้น​เพลิง​ไป​หา​ทอง​ตรา    เข้าไป​ยืน​ใกล้ๆรถ​เข็น​บอก​ว่า

“ผม​จะ​มา​เรียน​ย่า​ว่า ผม​จะ​ไม่​ไป​จนกว่า​จะ​ทำให้​ย่า​ยก​โทษ​ให้​พ่อ​กับ​แม่​ผม​ให้​ได้​ก่อน พ่อ​ผม​มี​หุ้น​อยู่​ใน​เพชร​ไทย​ก็​เท่ากับ​ว่า​ผม​มี​สิทธิ์​ใน​บริษัท...ผม​เลย​อยาก​จะ​ขอ​ใช้​โอกาส​นี้​เข้าไป​ช่วย​งาน​ที่​เพชร​ไทย”

ทอง​ตรา​ปฏิเสธ​ทันที​ว่า​ ไม่​จำเป็น ให้​เขา​ขาย​หุ้น​คืน​บริษัท​แล้ว​กลับ​ไป​อยู่​อย่าง​สุข​สบาย​ที่​ระนอง​ดี​กว่า เพลิง​ชี้แจง​ว่า​ถ้า​ตน​กับ​แม่​อยาก​อยู่​สุข​สบาย​ก็​ไม่​จำเป็น​ต้อง​มา​ที่​นี่ ถึง​ไม่​มี​เงิน​มาก​เรา​ก็​มี​ความ​สุข​ดี ย้ำ​ว่า

“แต่​ที่​ผม​กับ​แม่​มา​ที่​นี่ เรา​สอง​คน​ไม่ได้​ต้องการ​อะไร นอก​จาก ​ทำให้​ความ​ตั้งใจ​ของ​พ่อ​สำเร็จ พ่อ​ตั้งใจ​มา​ขอโทษ​ย่า​ที่​หนี​หาย​ไป​ยี่สิบ​ห้า​ปี แต่​พ่อ​ไม่​มี​โอกาส เพราะฉะนั้น​ผม​กับ​แม่​จะ​สาน​ต่อ​ความ​ตั้งใจ​ของ​พ่อ”

ทอง​ตรา​ยัง​ตั้งแง่​ว่า​เขา​ไม่​เคย​จับ​ธุรกิจ​ค้า​เพชร​มา​ก่อน งาน​นี้​มัน​ไม่​ง่าย เพลิง​ขอโอกาส รับปาก​ยืนยัน​ว่า​ตน​ยินดี​เรียนรู้​งาน​ทุก​อย่าง​ถ้า​ย่า​ให้โอกาส

ที่มา ไทยรัฐ

พิมมาลา ตอนที่ 2

หลัง​คุย​งาน​กับ​ฟ้า​งาม​เสร็จ เพรียว​กับ​น้ำ​นวล​ก็​กลับ​ออก​มา​พร้อม​กัน

“เวลา​ผ่าน​ไป​เร็ว​จัง​เลย​นะ​ครับ ไม่ทัน​ไร​คุณ​น้ำ​ก็​จบ​ปริญญา​โท​มา​เป็น​ผู้​ช่วย​ผม​ซะ​แล้ว”

น้ำ​นวล​วาง​หน้า​เรียบ​นิ่ง​ไม่​พูด​อะไร จน​เขา​พูด​ประโยค​ต่อ​ไป​จึง​ได้​จังหวะ​ตอบโต้



“คุณ​น้ำ​เปลี่ยน​ไป​มาก​เลย​นะ​ครับ นี่​ถ้า​ผม​เห็น​คุณ​น้ำ​ข้าง​นอก​คง​จำ​ไม่ได้ เอา​งี้​นะ​ครับ สวย​ขึ้น​ผิดหูผิดตา”

“ขอบคุณ​ค่ะ น้ำ​เอง​ก็​พยายาม​อยู่​นาน เพื่อ​ให้​ตัว​เอง​ดู​ดี​ขึ้น ไม่​ใช่​คน​เปิ่นๆเชยๆเหมือน​เมื่อ​ก่อน เพราะ​คน​เรา​ชอบ​ตัดสิน​กัน​ที่​รูปลักษณ์​ภายนอก​ก่อน​ไม่​ใช่​เหรอ​คะ”


เพรียว​หน้า​เจื่อน เจอ​ย้อน​แบบ​นี้​ก็​พูด​ไม่​ออก...ช่วง​นี้​เอง​แวน​เดิน​เข้า​มา​เรียก​น้ำ​นวล ชวน​ไป​หา​อะไร​กิน เพรียว​มอง​หน้า​ไอ้​หนุ่ม​มาด​เซอร์​คน​นี้​ก็​จำ​ได้​ว่า​เป็น​ลูก​ไฮโซ​คน​ดัง

“คุณ​เพรียว​คะ นี่​คุณ​จิต​ติ​วัฒน์ สัก​ก​บุตร แฟน​น้ำ​ค่ะ” น้ำ​นวล​แนะนำ​ด้วย​สีหน้า​ยิ้มแย้ม เพรียว​รู้สึก​หมั่นไส้​อย่าง​ไม่​มี​สาเหตุ คิด​ใน​ใจ​ว่า​น้ำ​นวล​เอา​แฟน​มา​อวด แนะนำ​ซะ​เต็มยศ กลัว​ไม่​รู้​ว่า​มี​แฟน​เป็น​ลูก​รัฐมนตรี

“สวัสดี​ครับ คุณ​จิต​ติ​วัฒน์ ผม​เคย​เห็น​ข่าว​คุณ​ตาม​หน้า​สังคม​มา​นาน​แล้ว เพิ่ง​จะ​ได้​เจอ​ตัว​จริง​วัน​นี้​เอง”

ที่มา ไทยรัฐ

ลิลลี่สีกุหลาบ ตอนที่ 10

ปทุม​ว​ดี​คุย​โทรศัพท์​วาง​แผน​กับ​พิพัฒน์ พอ​อาคม​เดิน​มา​ก็​แสร้งว่า ปีเตอร์​โทร.​มา​บอก​ว่า​กำลัง​เดินทาง​มา​เมือง​ไทย​คืน​นี้ ตน​จึง​อยาก​ให้​ไป​รับ​ที่​สนาม​บิน​เพื่อ​ที่​จะ​ได้​เจรจา​ธุรกิจ อาคม​เห็นดี​และ​ชม​ว่า​เป็น​นัก​ธุรกิจ​ต้อง​ฉลาด​แบบ​นี้ ปทุม​ว​ดี​แอบ​ยิ้มเยาะ “เดี๋ยว​ฉัน​จะ​ทำให้​แก​เห็น​ว่า​ฉัน​ฉลาด​มาก​กว่า​นี้​อีก...”

ขณะ​ที่​สร้อย​กำลัง​เพลิดเพลิน​กับ​การ​กิน​มะม่วง​น้ำปลา​หวาน ปทุม​ว​ดี​เข้า​มา​เรียก​ให้​ออก​มา นวล​มอง​อย่าง​สงสัย... ปทุม​ว​ดี​สั่ง​สร้อย​ว่า​คืน​นี้​ให้​นอน​เฝ้า​หน้า​ห้อง​นวล​ไว้ เพราะ​ตน​สังหรณ์​ใจ​ว่า​นวล​เป็น​สาย​โจร และ​คืน​นี้​จะ​ลงมือ​เพราะ​ตน​กับ​อาคม​ต้อง​ออก​ไป​ธุระ สร้อย​ตกใจ​รับปาก​รับคำ แล้ว​ปทุม​ว​ดี​ก็​มา​เสนอ​อาคม​ว่าปีเตอร์​มา​ถึง​น่า​จะ​ชวน​ไป​ตะลุย​ราตรี

“คุณ​พี่​เคย​พูด​ไง​คะ​ว่า​เจรจา​ธุรกิจ​ให้​ได้​ผล ต้อง​สนาม​กอล์ฟ​หรือ​ไม่​ก็​โต๊ะ​อาหาร”

อาคม​ยิ้ม​ปลื้ม​กับ​ความ​หลักแหลม​ของ​ภรรยา จาก​นั้น ปทุม​ว​ดี​ก็​แอบ​โทร.​สั่ง​กิ​ติ​กับ​อำนวย

“แก​สอง​คน​เตรียมตัว​ลงมือ​นะ อย่า​ให้​ฉัน​ผิดหวัง​ล่ะ” พลัน ปทุม​ว​ดี​มอง​ไป​เห็น​พิพัฒน์​กับ​งาม​ตา​เดิน​มา​จาก​อาคาร​จอด​รถ เธอ​ปราด​เข้าไป​แว้ด “พัฒน์...นี่​คุณ​จะ​พา​นัง​นี่​ไป​ไหน​คะ นัง​กาฝาก เดี๋ยว​แม่​ตบ​โชว์​เลย​นี่...” ปทุม​ว​ดี​เงื้อ​มือ​จะ​ตบ​เมื่อ​เห็น​งาม​ตา​เชิด​ใส่

พิพัฒน์​รีบ​ปราม​แล้ว​ส่ง​สายตา​ไล่​งาม​ตา​ให้​เดิน​ไป ก่อน​ที่​จะ​อธิบาย​กับ​ปทุม​ว​ดี​ว่าเขา​ต้องการ​ให้​มี​พยาน​ว่า​เขา​ไม่ได้​อยู่​เมือง​ไทย​ตอน​เกิด​เหตุ ปทุม​ว​ดี​น้อยใจ​ที่​เขา​จะ​พา​งาม​ตา​ไป​เที่ยว​ใน​ขณะ​ที่​ตน​ต้อง​เสี่ยง​คุก​เสี่ยง​ตะราง พิพัฒน์​ทำ​เป็น​โกรธ​จะ​ล้มเลิก​แผนการ​ทั้งหมด เธอ​จึง​สลด...

อาคม​กับ​ปทุม​ว​ดี​พา​ปีเตอร์​มา​ที่​ผับ​แห่ง​หนึ่ง สอง​หนุ่ม​คุย​กัน​อย่าง​ออกรส ปทุม​ว​ดี​ทำ​เป็น​ง่วง​แล้ว​ขอตัว​กลับ​บ้าน​ก่อน “ปล่อยแก่​ให้​สนุก​เลย​นะ​คะ สำหรับ​ค่ำคืน​นี้ ปทุม​อนุญาต​ค่ะ”

“ภรรยา​คุณ​นี่​น่า​รัก​ที่สุด​ใน​โลก​เลย​นะ​ครับ” ปีเตอร์​ส่ง​สายตา​เจ้าชู้​ให้​ปทุม​ว​ดี

จาก​นั้น ปทุม​ว​ดี​ก็​โทร.​เรียก​คน​รถ​ที่​บ้าน​ขับ​รถออก​มา​รอ​รับ​อาคม​และ​ให้​ส่ง​ปีเตอร์​ด้วย ตน​จะ​ขับ​รถ​กลับ​เอง...

ทั้ง เก่ง นัดดา ​และ​เพ้ง​พา​กัน​ออก​จาก​บ้าน​สวน เง็ก​เก็บ​เศษ​จาน​ที่​ลิลลี่​ทำ​แตก​แต่​เผลอ​เหยียบ​บาด​เท้า​ร้อง​โอดโอย ณพ​กุลีกุจอ​เช็ด​เลือด​ให้​แต่​เผอิญ​ไม่​มี​ยา​ใส่​แผล จึง​ออก​ไป​ซื้อ เง็ก​เริ่ม​ซึ้ง​น้ำใจ​ของ​ณพ...

เต็ก​เป็น​ห่วง​ที่​เพ้ง​หาย​ไป​นาน​จึง​โทร.​ตาม เพ้ง​กำลัง​เดิน​กลับ แอบ​กระซิบ​บอก​เต็​กว่า​เจอ​ลิลลี่​แล้ว​อยู่​บ้าน​สวน​กับ​ณพ​และ​เง็ก ระหว่าง​คุย​กัน​อยู่ปีเตอร์​โทร.​เข้า​มา​ที่​สาย​เต็ก จึง​วาง​สาย​เพ้ง

“นาย​ได้​ข่าว​ลิลลี่​หรือ​ยัง” ปีเตอร์​ถาม​เต็ก

“เพ้ง​โทร.​เข้า​มา​พอดี กำลัง​จะ​บอก​ผม​เรื่อง​นี้”

ปีเตอร์​จึง​ให้​โทร.​กลับ​ไป​หา​เพ้ง​โดย​ไม่​ต้อง​วาง​สาย เขา​จะ​ฟัง​ด้วย เต็ก​หน้าเสีย​แต่​ขัด​ไม่ได้​เพราะ​ปีเตอร์​เอา​เถ้าแก่​จาง​มา​ขู่ เต็ก​จำ​ต้อง​โทร.​กลับ​ไป เพ้ง​ไม่​รู้​ว่า​ปีเตอร์​อยู่​ใน​สาย จึง​บอก​ว่า



“อยู่​ใน​สวน​กล้วย มี​ต้นไม้​หลาย​อย่าง​ปลูก น่า​กลัว​มาก มี​บ้าน​คน​น้อย ได้ยิน​คน​แถว​นี้​เรียก​ว่า​บาง​ใหญ่ อ้อ...ใกล้ๆทาง​เข้า​มี​โรง​งาน​หล่อ​พระ”

ปีเตอร์​ยิ้ม​มุม​ปาก​วาง​สาย​ไป...จาก​นั้น​เขา​ก็​โทร.​หา​งาม​ตา สั่ง​ว่า​เขา​ต้องการ​คน​ฝีมือ​ดี​สอง​สาม​คน งาม​ตา​รับคำ​แล้ว​จัดการ​ให้ ก่อน​จะ​ขึ้น​เครื่อง​ไป​มาเก๊า​กับ​พิพัฒน์

ooooooo

กลางดึก นวล​ตื่น​ขึ้น​มา​เพราะ​หิว​น้ำ​จะ​ออก​จาก​ห้อง แต่​ติด​ที่​สร้อย​นอน​กัน​ประตู​อยู่ นวล​พยายาม​กระแทก​ประตู​ให้​เปิด จน​สร้อย​ดันไว้​ไม่​ไหว​ต้อง​รีบ​วิ่ง​หนี​ไป​หลบ นวล​เข้าใจ​ว่า​ประตู​ฝืด...​ปทุม​ว​ดี​พา​กิ​ติ​กับ​อำนวย​เข้า​บ้าน​มาเพื่อ​ยก​ตู้​เซฟ​ออก​ไป ทั้ง​สอง​ยก​ไหว​แค่​ใบ​เล็ก 

ปทุม​ว​ดี​สั่ง​ให้​เอา​ไป​ไว้​ที่​บ้าน​เช่า​ทั้ง​สอง​คน​ก่อน กิ​ติ​แย้ง​ว่า​ทำไม​ไม่​ไว้​ที่​บ้าน​พิพัฒน์ ปทุม​ว​ดี​ย้อน​ถาม​ว่า​อยาก​ให้​พิพัฒน์​เอา​สมบัติ​ใน​นี้​ไป​ทลาย​ใน​บ่อน​หมด​หรือ ทั้ง​สอง​เห็น​ด้วย

ระหว่าง​ที่​นวล​ดื่ม​น้ำ​อยู่​ใน​ครัว แสง​ไฟ​ทำให้​เธอ​เห็น​เงา​สอง​คน​กำลัง​ยก​เซฟ​ลง​มา จึง​ร้อง​ลั่น​ว่า ขโมยๆและ​เข้า​มา​ยื้อ​แย่ง ปทุม​ว​ดี​ตกใจ​เห็น​แจกันจึง​คว้า​มา​ฟาดหัว​นวล​ด้าน​หลัง​สลบ​ไป  ​สร้อย​เห็น​เหตุการณ์​ทั้งหมด​ยืน​ตัว​สั่น​เทา ปทุม​ว​ดี​กำชับ​ไม่​ให้​บอก​ใคร

“ถ้า​คุณ​อาคม​ถาม ก็​บอก​ว่า​ไม่​รู้​ไม่​เห็น เดี๋ยว​ฉัน​จะ​ออก​ไป​ข้าง​นอก แต่​ก่อน​ไป ฉัน​จะ​เรียก​ตำรวจ​มา แก​ดูแล​เขา​ด้วย​ล่ะ” ...สร้อย​รับปาก​รับคำ​ด้วย​ความ​กลัว

ขณะ​ที่​อาคม​มา​ส่ง​ปีเตอร์​ที่​โรงแรม ปทุม​ว​ดี​โทร.​มา​บอก​เขา​ว่าโจร​เข้า​บ้าน ตน​แจ้ง​ตำรวจ​แล้ว อาคม​ตกใจ​รีบ​โทร.​ตาม​เก่ง​ให้​มา​ช่วย​ดูแล...

ร้าน​ขาย​ยา​ปิด​หมด ณพ​โทร.​บอก​ลิลลี่​ว่า​เขา​จะ​ไป​หา​ซื้อ​ยา​ที่​ตลาด เง็ก​ซึ้ง​ใจ​บอก​ลิลลี่​ว่า​ท่าทาง​ณพ​จะ​รัก​เธอ​มาก ลิลลี่​เฉไฉ​พูด​เรื่อง​อื่น​อย่าง​อายๆ พอ​ณ​พก​ลับ​มา​ก็​ทำ​แผล​ ให้​เง็ก ปีเตอร์​โทร.​เข้า​มือ​ถือ​ลิลลี่ เธอ​หลบ​มา​คุย ปีเตอร์​หลอก​ว่า เถ้าแก่​จาง​ป่วย​หนัก เป็น​ตาย​เท่า​กัน​แล้ว​วาง​สาย​ไป ลิลลี่​ตกใจ​มาก​ร้อง “ปีเตอร์...ปีเตอร์...พูด​กับ​ฉัน​ให้​รู้​เรื่อง​ก่อน จะ​วาง​สาย​ยัง​งี้​ไม่ได้​นะ...”

ลิลลี่​ร้องไห้​วิ่ง​ออก​ไป​จาก​บ้าน ณพ​ตกใจ​วิ่ง​ตาม​ทิ้ง​เง็ก​ซึ่ง​เดิน​กะ​เผ​ลก​ตาม​ไม่​ไหว ณ​พร้อง​ถาม​ว่า​เธอ​จะ​ไป​ไหน ลิลลี่​ไม่​พร้อม​จะ​คุย พยายาม​โทร.​กลับ​หา​ปีเตอร์จึง​ตวาด​ออก​ไป

“มัน​เรื่อง​ของ​ฉัน นาย​อย่า​มา​ยุ่ง”

“อ้อ พอ​ผู้ชาย​โทร.​มา ไอ้​บอดี้​การ์ด​จนๆอย่าง​ผม​ก็​เลย​ไม่​มี​ความ​หมาย​ใช่​มั้ย” ณ​พก​ระ​ชา​กลิลลี่​มา​พูด​ใส่​หน้า

ลิลลี่​ดิ้นร้อง​ให้​ปล่อย ณพ​หึง​จน​ลืมตัว ดึง​เธอ​เข้ามา​จูบ ลิลลี่​ตกใจ​ผลัก​เขา​ออก​แล้ว​ตบ​หน้า​ณ​พอ​ย่าง​แรง​ก่อน​วิ่ง​หนี​เตลิด​ไป​หลบ​ร้องไห้​ใน​มุมมืด​เสียใจ​ที่​ตน​ทำให้​พ่อ​ป่วย เสียง​ณ​พร้อง​เรียก พอดี​มี​เรือ​หางยาว​แล่น​มา ลิลลี่​ฉวย​โอกาส​วิ่ง​ไป​ที่​ท่า​น้ำ โบก​เรือ​แล้ว​โดด​ลง​ไป บอก​คน​ขับ​เรือ​ว่าตน​หนี​คน​จะ​ข่มขืนให้​รีบ​ไป คนขับเรือออก​เรือ​อย่าง​รวดเร็ว​แต่​สายตา​มอง​ลิลลี่​อย่าง​หื่น​กระหาย ณพ​มอง​เรือ​ลำ​นั้น​ด้วย​ความ​แค้น​ใจ เข้าใจ​ว่า​ลิลลี่​จะ​รีบ​ไป​หา​ผู้ชาย​ที่​โทร.​เข้า​มา


ลิลลี่​เห็น​สายตา​คน​ขับ​เรือ​ก็​เริ่ม​หวาดระแวง พอ​ถึง​ท่าเรือ​ก็​มี​ชาย​สอง​คน​มา​ดึง​เธอ​ขึ้น​จาก​เรือ​แล้ว​ต่อย​ท้อง​เธอ​จน​ตัว​งอ​แบก​ขึ้น​บ่า​พา​ไป

ooooooo

แผน​ร้าย​ของ​ปทุม​ว​ดี​ยัง​ต่อ​เนื่อง ให้​กิ​ติ​กับ​อำนวย​ปลอม​เป็น​ตำรวจ​กลับ​มา​ตรวจ​เหตุ​ใน​บ้าน สอบ​ปาก​คำ​นวล​และ​สร้อย นวล​ให้การ​คร่าวๆเพราะ​ไม่​ไว้ใจ อาคม​หลง​เชื่อ​ให้​ตำรวจ​ตัว​ปลอม​ทั้ง​สอง​ขึ้นไป​พิสูจน์​ลาย​นิ้ว​มือ​บน​ห้อง​อีก กิ​ติ​สั่ง​สร้อย​ให้​ทำ​ความ​สะอาด​ห้อง​ให้​เรียบร้อย ​นวล​แย้ง​ว่า แบบ​นี้​ไม่​เป็น​การ​ทำลาย​หลักฐาน​หมด​หรือ ​กิ​ติ​ตอบ​ว่า​ไม่ เขา​ตรวจสอบ​หมด​แล้ว

เข้า​มา​ใน​ห้อง เห็น​หมวก​ไหม​พรม​ตก​อยู่ อำนวย​รีบ​เก็บ​อ้าง​ว่า​เป็น​ของโจร​ต้อง​ส่ง​กอง​พิสูจน์​หลักฐาน กิ​ติ​ทำ​ที​ถาม​ว่า​ตู้​เซฟ​ที่​หาย​ไป​มี​อะไร​อยู่​ใน​นั้น​บ้าง

“ก็​พวก​นาฬิกา​ฝัง​เพชร ทองคำ​แท่ง โชค​ดี​ที่​มี​แค่​ไม่​กี่​ชิ้น เพราะ​ผม​เพิ่ง​ย้าย​ไป​เก็บ​ที่​อื่น”

ปทุม​ว​ดี​หูผึ่ง เจ็บใจ อำนวย​กับ​กิ​ติ​ยิ้ม​เจื่อนๆขอตัว​กลับ มี​อะไร​คืบ​หน้า​จะ​แจ้ง​เข้า​มา ปทุม​ว​ดี​ให้​อาคม​พักผ่อนก่อน ตน​จะ​ไป​ส่ง​ตำรวจ​ทั้ง​สอง พอ​ถึง​หน้า​บ้าน กำชับ​กิ​ติ​กับอำนวย​อย่า​ลืม​ทำ​ตาม​ที่​สั่ง มอง​ไป​เห็น​สร้อย​ลับๆล่อ​ๆอยู่​จึง​เข้าไปถาม “แก​เห็น​อะไร​บ้าง...”

“ไม่​ค่ะ สร้อย​ไม่​รู้​ไม่​เห็น​อะไร​ทั้งนั้น”

“ถึง​จะ​รู้​จะ​เห็น​แก​จะ​ทำ​อะไร​ได้ เพราะ​ถ้า​แก​ปากโป้ง​ไป​บอก​ใครๆ แก​จะ​ถูกจับ​เข้า​คุก​ด้วย ใน​ฐานะ​สมรู้​ร่วมคิด” ปทุม​ว​ดี​ขู่​จน​สร้อย​กลัวลาน...

เก่ง​ขี่​มอเตอร์ไซค์​เข้า​มา ปทุม​ว​ดี​ตกใจ​ว่า​มา​ทำไม เก่ง​ตอบ​ว่า​อาคม​เรียก​ให้​มา ปทุม​ว​ดี​หน้าเสีย​บอก​ไป​ว่า​ตำรวจ​เพิ่ง​กลับ​ไป เก่ง​ขอ​พบ​อาคม เธอ​ไม่​อนุญาต​อ้าง​ว่า​อาคม​เข้า​นอน​แล้ว

“ผม​ทำ​ตาม​หน้าที่ คุณ​อาคม​ท่าน​ให้​ผม​มา ถ้า​คุณ​บริสุทธิ์ใจ​ก็​ไม่​น่า​ห้าม​ผม...” พอดี​มือถือ​เก่ง​ดัง​ขึ้น เขา​กด​รับ​สาย ณพ​โทร.​มา​บอก​ว่า​ลิลลี่​หาย​ไป เก่ง​ตกใจ​รีบ​ขี่​รถ​กลับ​ออก​ไป

ปทุม​ว​ดี​ได้ยิน แปลก​ใจ​ว่า​ใคร​เอา​ตัว​ลิลลี่​ไป ใน​เมื่อ​กิ​ติ​กับ​อำนวย​ทำ​งาน​อยู่​ที่​นี่...ระหว่าง​นั้น กิ​ติ​กับ​อำนวย​ช่วย​กัน​แบก​ตู้​เซฟ​เข้า​มา​ใน​บ้าน​เช่า​ของ​พวก​ตน ทั้ง​หนัก​ทั้ง​เหนื่อย​จน​ไม่​อยาก​เชื่อ​ว่าใน​เซฟ​จะ​มี​ของ​ไม่​กี่​ชิ้น​อย่าง​ที่​อาคม​บอก ทั้ง​สอง​เกิด​ความ​โลภ​อยาก​ได้​ของ​พวก​นี้​ไว้​เอง

ปทุม​ว​ดี​หงุดหงิด​นอน​ไม่​หลับ พอ​อาคม​ถาม​ว่า​เป็น​อะไร เธอ​ทำ​เป็น​บ่น​โทษ​นวล​เป็น​สาย​โจร​แต่​อาคม​ไม่​เชื่อ จึง​งอน​ออก​มา​จาก​ห้อง​นอน ​และ​แล้ว​เธอ​ก็​แอบ​โทร.​ถาม​กิ​ติ​กับ​อำนวย​ว่า​ใคร​จับ​ลิลลี่​ไป เป็น​ไป​ได้ไหม​ว่า​มีใคร​รู้​เรื่อง​กุญแจ​เซฟ​อีก...อาคม​ตาม​ออก​มา ปทุม​ว​ดี​รีบ​ตัด​สาย​ พอ​เขา​ถาม​ก็​อ้าง​ว่า​โทร.​กำชับ​ตำรวจ​ให้​ตาม​คดีไม่​อย่าง​นั้น​ตำรวจ​จะ​ไม่​เห็น​เป็น​คดี​สำคัญ

“ช่าง​เถอะ...ไป​นอน​ดี​กว่า ยัง​ไง​มัน​ก็​เปิด​เซฟ​ไม่ได้​ง่ายๆหรอก กุญแจ​อยู่​ที่​ผม”

ปทุม​ว​ดี​กำหมัด​แน่น​กัดฟัน​รำพึง​ว่า​อาคม​เขี้ยว​ทุก​เม็ด...

ooooooo

ลิลลี่​ถูก​ขัง​ไว้​ใน​บ้าน​ร้าง​กลาง​สวน คน​ของ​งาม​ตากลับ​ไป​แต่​ก็​เสียดาย​ความ​ขาว​สวย​ของ​ลิลลี่ จึง​ตกลง​กัน​ว่า​พรุ่งนี้​เช้า​จะ​กลับ​มา​จัดการ​ก่อน​ที่​งาม​ตา​จะ​มา​เอา​ตัว​ไป...แต่​แล้ว ลิลลี่​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใน​ตอน​เช้ามืด ทุบ​ประตู​ร้อง​ให้​คน​ช่วย เผอิญ​ลุง​จั่น​กับ​ป้า​ผิว​สอง​ผัว​เมีย​เดิน​ผ่าน​จะ​ไป​ทำ​สวน​ได้ยิน​เสียง​จึง​เข้า​มา​ช่วย​งัด​ประตู​พา​เธอ​ออก​ไป​ได้

ที่มา ไทยรัฐ

Monday, July 4, 2011

เพลิงทระนง ตอนที่ 3

ที่บริษัทของน้ำฝน โปรดิวเซอร์และทีมงานต่างหน้าเสียเมื่อเห็นเทปบันทึกรายการที่ตลาดระนองเสียหายเพราะเหตุวุ่นวายกันในตลาดวันนั้น

น้ำฝนเดินเข้ามาดู ถามว่ามีอะไรหรือ เอาเทปไปดูถามอีกว่าเทปที่ระนองใช่ไหม

“เราคงต้องไปถ่ายที่ตลาดใหม่แล้วล่ะค่ะ” โปรดิวเซอร์เสียงอ่อยๆ น้ำฝนแหวใส่ว่ายัยหมวยลูกเจ้าของตลาดจะยอมหรือ “ถ้างั้น หนูจะหาตลาดใหม่ให้นะคะ รับรองคราวนี้ไม่มีพลาด”

น้ำฝนส่ายหน้าเอือมๆ แล้วเดินไปด้านใน โปรดิวเซอร์กับทีมงานยืนจ๋อยไปตามกัน

ooooooo

หลินช่วยงานศพของพิภัชเต็มที่ด้วยความเต็มใจ ทั้งยังบอกเพลิงว่าให้ไปดูแลผ่องเสียทางนี้ตนจะช่วยดูแลให้เอง แล้วเลียบเคียงถามว่า

“เห็นป้าผ่องเล่าให้ป๊าฟังว่า จริงๆแล้วญาติอาภัชที่ป่วยอยู่กรุงเทพฯก็คือแม่อาภัชเองเหรอ” พอเพลิงพยักหน้า หลินตาเป็นประกายดีใจที่เพลิงเป็นลูกหลานไฮโซจริงๆ

“พ่อพี่ตายแล้ว ตอนนี้ก็เท่ากับพี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาแล้ว ตอนนี้ก็ต่างคนต่างอยู่” เพลิงเอ่ย

ขณะนั้นเอง นิรุตกับชนนท์เข้ามาในงาน หลินเขม้นมองเพราะไม่เคยเห็น คิดว่าคงเป็นพวกมาแอบกินข้าวต้มฟรีแน่ๆ จะลุกไปเอาเรื่อง เพลิงจำนิรุตกับชนนท์ได้รีบห้าม แล้วลุกไปทักทายทั้งสองงงๆ ว่ามาทำอะไร

เมื่อนิรุตกับชนนท์ไปสวัสดีทักทายผ่องซึ่งรู้จักกันมาก่อน ผ่องขอบคุณที่นิรุตอุตส่าห์พาหลานมาไหว้ศพพิภัช นิรุตพูดอย่างละอายใจว่าไม่ต้องขอบคุณ อย่างไรเสียพิภัชก็เป็นพี่ชาย ตนคงเป็นน้องชายที่แย่มากถ้าไม่ได้มาลาพี่ชาย

“นอกจากจะมาไหว้ศพลุงพิภัชแล้ว เราสองคนก็มีเรื่องสำคัญอยากจะมาคุยกับพี่เพลิงด้วย” ชนนท์เอ่ย ครั้นเพลิงถามว่าเรื่องอะไร นิรุตเห็นพระเดินมาพอดีบอกว่าเดี๋ยวเราค่อยหาโอกาสคุยกัน

หลังฟังพระสวดเสร็จ งานเลิกแล้ว ทั้งสี่จึงมานั่งคุยกันอีกครั้ง นิรุตกับชนนท์จึงบอกว่าอยากให้เพลิงไปอยู่กรุงเทพฯ อยู่ด้วยกันที่ปางพญา เพราะไหนๆพิภัชก็เสียไปแล้ว

ผ่องขอบคุณที่เป็นห่วงแต่ตนทั้งสองอยู่ที่นี่ก็สบายดีแล้ว และที่สำคัญไม่อยากให้คุณหญิงไม่สบายใจเพราะท่านคงยังไม่ลืมวันที่ตนกับพิภัชตัดสินใจเดินออกมาจากที่นั่น

“แต่ผมว่าถ้าคุณย่าได้เจอพี่เพลิง คุณย่าจะต้องใจอ่อนแน่ๆครับ อีกอย่างหัวใจของลุงพิภัชในตัวคุณย่า คงเรียกร้องให้คุณย่ารักและเอ็นดูพี่เพลิง” ชนนท์พยายามหว่านล้อม

เมื่อเพลิงขออยู่กับแม่ที่ทะเลที่พ่อรัก นิรุตให้เวลาคิดตัดสินใจอีกทีเพราะตนกับชนนท์ยังจะอยู่จนเสร็จงานพี่ชาย

“ผมเชื่อนะ ว่าถ้าลุงพิภัชมองลงมาจากสวรรค์ คงต้องอยากให้พี่เพลิงกลับไปช่วยดูแลคุณย่าแทนตัวท่านแน่ๆ” ชนนท์พูดทิ้งไว้ให้คิด

หลินแอบฟังอย่างอยากรู้อยากเห็น พอจับความได้ก็พึมพำอย่างตกใจว่า

“พี่เพลิงจะไปอยู่กรุงเทพฯเหรอ!?”

ooooooo

กลับถึงบ้านพัก ผ่องเข้าไปในห้องนอนด้วยใจหดสู่เศร้าสร้อยที่ห้องนี้ไม่มีพิภัชอีกแล้ว เพลิงสงสารแม่ หอบที่นอนเข้ามาบอกแม่ว่า “แม่ยังมีผม
นะครับ คืนนี้ผมขอนอนกอดแม่นะ”

ผ่องเอามือลูบหัวเพลิงอย่างรักใคร่ ถามว่าคิดอย่างไรเรื่องอานิรุตชวนไปอยู่ที่ปางพญา เพลิงยืนยันคำเดิมว่าถ้าแม่ไม่สบายใจที่จะกลับไป เราก็จะอยู่กันที่นี่ ตนไม่อยากให้แม่ลำบากใจ เพราะเชื่อว่ายังไงคุณย่าก็ไม่ยอมรับแม่ง่ายๆอยู่แล้ว

“แล้วเพลิงไม่คิดจะพิสูจน์ตัวเองแทนพ่อกับแม่เหรอ” ผ่องถาม เพลิงลุกนั่งมองหน้าแม่อย่างไม่เข้าใจ ผ่องชี้แจงว่า “หัวใจของพ่อช่วยต่อชีวิตย่าแล้วก็จริง แต่เราก็สัญญากับเขาไว้แล้วว่าย่าจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ซึ่งมันก็เท่ากับว่าย่าไม่รับรู้ความดีของพ่อเลย แม่ว่าบางทีพ่อคงอยากให้เราไปทดแทนบุญคุณและชดใช้ความผิดที่ผ่านมาแทนท่าน แต่ทั้งหมดนี้ก็แค่ความคิดของแม่นะ เพลิงเท่านั้นที่ต้องเป็นคนตัดสินใจ”

เช้าวันรุ่งขึ้น เพลิงไปนั่งมองทะเลคิดถึงคำพูดของแม่เมื่อคืน หลินเข้ามาทักว่าหาคำตอบให้สองพ่อลูกนั่นหรือ เพลิงเอะใจถามว่าหลินรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ

หลินไม่ตอบคำถาม แต่ขอร้องเพลิงอย่าทิ้งที่นี่ไปเลย เพลิงบอกว่าตนก็ไม่ได้บอกว่าจะไปจากที่นี่ เพราะ “พี่ไม่ปล่อยให้แม่อยู่ที่นี่คนเดียวหรอก แม่อยู่ที่นี่กับพ่อมานาน คงไม่อยากจากไปไหนง่ายๆ”

“หลินก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ถ้าไม่มีพี่เพลิง”

เพลิงจับหัวหลินโยกถามหยอกว่าไปจำละครเรื่องไหนมา หลินบอกว่าตนพูดจากใจ และเมื่อเพลิงจะไปทำงาน ถามหลินว่าจะกลับตลาดหรือเปล่า เดี๋ยวจะไปส่ง

หลินดีใจมาก ขอให้เขาขี่วนตลาดสักสี่ห้ารอบด้วย อยากให้พวกแม่ค้าอิจฉาเล่น ฟ้องว่า

“ตอนพี่เพลิงไม่อยู่ มันพากันเยาะเย้ยหลินว่าถูกพี่เพลิงทิ้งมั่ง โดนใครแย่งไปแล้วมั่ง วันนี้หลินจะกลับไปสมน้ำหน้าให้หายแค้นเลย”

เพลิงหัวเราะขำความล้นของหลิน แล้วพากันไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของเพลิงที่จอดอยู่ด้านบน

ooooooo

ปรากฏว่าโปรดิวเซอร์ของบริษัทน้ำฝนหาตลาดใหม่ไม่ได้ จึงต้องพากันมาถ่ายทำที่ตลาดระนองตามเดิม โปรดิวเซอร์อาสาจะไปคุยกับลูกสาวเจ้าของตลาดเองดูว่าจะยอมสงบศึกกับเรารึเปล่า

หลินซ้อนมอเตอร์ไซค์เพลิงมาเห็นเข้าพอดี กระโดดผลุงเดินอาดๆเข้าไปถามว่า มาที่นี่อีกทำไม เพลิงตามไปบอกหลินให้พูดดีๆกัน น้ำฝนที่ตั้งท่าจะปะฉะดะกับหลินเลยจำต้องลดดีกรีลงพูดดีๆกับหลิน ชี้แจงถึงความจำเป็นต้องกลับมาถ่ายทำที่นี่อีก สำหรับเรื่องวันนั้นขอได้ไหม หรือจะคิดค่าถ่ายทำก็ได้

“อีกแล้ว...เอาเงินฟาดหัวคนอีกแล้ว” หลินเสียงดังขึ้นมา

เพลิงต้องเข้ามาหย่าศึกขอร้องหลินว่า คนเรามีวิธีแก้ปัญหาต่างกัน อย่าไปถือสาเลย

สุดท้ายเพลิงขอหลินว่าปล่อยเขาเถอะ ถือเสียว่าเป็นการโปรโมตตลาดเราไปด้วย หลินจึงยอม แต่ไม่วายพูดว่า “เห็นแก่พี่เพลิง” เรื่องนี้ทำให้น้ำฝนรู้สึกดีกับเพลิงขึ้นมาก

แต่เรื่องนี้กลับถูกพวกแม่ค้าในตลาดวิพากษ์วิจารณ์ว่าเพราะเพลิงมีใจให้น้ำฝนถึงได้ช่วยขอร้องให้ บางคนก็เย้ยว่า ถ้าตนเป็นเพลิงก็จะเลือกคนสวยใสไฮโซนั่นดีกว่าลูกเจ้าของตลาดบ้านนอกอย่างหลิน

“พี่เพลิงกับแม่นี่น่ะเหรอ จะมีไมตรีอะไรกันอย่างที่นังแมวมันว่า ไม่มีทาง! พอถ่ายรายการเสร็จ เขาก็กลับกรุงเทพฯ คงไม่ได้มาเจอกับพี่เพลิงอีกหรอก” หลินพูดอย่างมั่นใจเต็มร้อย

ooooooo

ถ่ายรายการที่ตลาดเสร็จแล้ว น้ำฝนบอกโปรดิวเซอร์ว่าสต๊อกโรงงานที่ต้องถ่ายทำใหม่ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน เพราะวันนี้ตนต้องไปงานศพ

เมื่อน้ำฝนปรากฏตัวในงานศพพิภัช นิรุตบอกชนนท์ให้ไปรับน้ำฝนเข้ามา หลินมองอึ้งเดินเข้าไปถามน้ำฝนว่ารู้จักลุงพิภัชด้วยหรือ

“ไม่เคยเจอหรอก แต่พ่อแม่ฉันเคยติดต่องานกับลุงพิภัช ก็เลยได้ยินพ่อกับแม่พูดถึง” น้ำฝนชี้แจง

ชนนท์ขอพาน้ำฝนไปไหว้ผ่อง ทำให้หลินยิ่งแปลกใจว่าน้ำฝนรู้จักป้าผ่องด้วย ยิ่งร้อนใจรีบตามไปดู

นิรุตพาน้ำฝนไปแนะนำแก่ผ่องว่า พ่อแม่ของเธอเป็นลูกค้าที่บริษัทเพชรไทยตั้งแต่พิภัชยังทำงานอยู่ สองครอบครัวเราเลยสนิทกัน แล้วถามน้ำฝนว่าอาณัติไม่มาหรือ น้ำฝนแก้ต่างว่าอาณัติติดงานให้ตนมาแทน

“นอกจากครอบครัวน้ำฝนจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราแล้ว น้ำฝนเองก็ยังสนิทกับครอบครัวเรา เพราะน้ำฝนเป็นแฟนกับพี่ณัติลูกชายของป้าบุษไงครับ” ชนนท์ชี้แจงเพิ่มเติม

หลินโล่งใจที่รู้ว่าน้ำฝนมีแฟนแล้ว เมื่อเพลิงมาเจอน้ำฝนเขาขอบคุณที่มางานศพพ่อ ต่างรู้สึกเป็นมิตรกันมากขึ้น

อาณัติบอกน้ำฝนว่าตนไม่มา แต่ที่แท้แอบวางแผนกับโปรดิวเซอร์จะมาทำเซอร์ไพรส์น้ำฝน จึงตามมาพร้อมช่อดอกไม้ พอรู้ว่าน้ำฝนไปงานศพพิภัช อาณัติรีบตามไปที่วัด

เพลิงเห็นน้ำฝนไปยืนรอรถขณะที่เขากับหลินกำลังแจกข้าวต้มแขกอยู่ จึงเดินมาทักว่าไม่กินข้าวต้มก่อนหรือ ทั้งสองยืนคุยกันอย่างมีไมตรีจิต หลินเห็นทนไม่ได้วานคนอื่นช่วยเสิร์ฟข้าวต้มแทน ถูกเฮงปรามว่า

“อยากสมัครเป็นสะใภ้อาผ่องเขาไม่ใช่เหรอ ขยันขันแข็งหน่อยสิวะ เร็วเข้าอาสาจะช่วยเขาแล้วจะเกี่ยงงานไม่ได้ไปๆๆ” เฮงคุมหลินไปเสิร์ฟข้าวต้มต่อ

ooooooo

น้ำฝนตะล่อมถามจนเพลิงเล่าเรื่องตนเอาหัวใจพ่อไปเปลี่ยนให้ทองตรา น้ำฝนพูดอย่างสะเทือนใจว่า

“คิดไม่ถึงเลยนะ ว่านายจะเป็นคนตัดสินใจมอบหัวใจของพ่อให้คุณยายทองตรา เป็นฉันคงตัดสินใจไม่ถูกแน่”

เพลิงตำหนิตัวเองว่าที่จริงไม่ควรบอกเรื่องนี้กับเธอ เพราะรับปากบุษกลไว้ ขอให้ช่วยปิดไว้เป็นความลับด้วย เพราะไม่อยากให้รู้ไปถึงหูคุณย่า

น้ำฝนฟังเพลิงเล่าแล้วขอโทษที่เป็นคนบีบเค้นให้เขาเล่าเรื่องนี้ และขอโทษที่เข้าใจเขาผิดตลอดมา เพลิงย้ำให้เธอช่วยเก็บเรื่องที่พ่อบริจาคหัวใจเป็นความลับด้วย

“ได้...ฉันสัญญาจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ” น้ำฝนนึกได้ถามว่าพรุ่งนี้เพลิงจะไปทำงานไหม ตนจะไปถ่ายสต๊อกที่โรงงานเราคงได้เจอกันอีก เพลิงพยักหน้ารับ ต่างยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกดีๆ

“ไอ้เพลิง!” อาณัติแอบดูอยู่กำหมัดทุบกำแพงอย่างแค้นใจ

อาณัติวางแผนที่จะทำลายเพลิง เขาไปดักน้ำฝนที่โรงแรมจนเธอกลับมาถึง เขาเอาช่อดอกไม้ให้ถามว่าไปไหนมา น้ำฝนบอกว่าไปงานศพลุงพิภัชมา และขอโทษที่ไม่ได้บอกเขาก่อน อาณัติทำหน้าหนักใจพึมพำว่า “น้ำฝนแปลกใจไหม ที่พี่กับคุณแม่ไม่ได้มาร่วมงานศพลุงพิภัช”

แล้วการปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายเพลิงก็พรั่งพรูออกจากปากอาณัติด้วยสีหน้าที่จริงจังและแสดงความชิงชังเคียดแค้น เขาเล่าให้น้ำฝนฟังว่า เพลิงขายหัวใจของพ่อตัวเองแก่คุณย่าด้วยเงินหนึ่งล้านบาท

น้ำฝนอึ้งถามอย่างไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือ

“มันกับแม่รวมหัวกันทำตัวให้ดูน่าสงสารจนหลอกน้ารุตกับไอ้นนท์ได้สำเร็จ แม่พี่เห็นแก่ลุงพิภัชเลยเก็บเรื่องที่มันขายหัวใจพ่อมันเป็นความลับไม่ยอมบอกใครเลย ความจริงพี่ก็ไม่อยากบอกน้ำฝนหรอกนะ แต่พี่กลัวน้ำฝนจะโดนมันหลอกอีกคน”

เป่าหูจนน้ำฝนสับสนแล้ว อาณัติยิ้มสะใจที่ได้ใส่ไฟเพลิง

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น อาณัติไปดักเพลิงที่หน้าโรงงาน พอเพลิงลงจากรถจะเข้าโรงงานก็ตรงเข้าไปขวางบอกเพลิงว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย เพลิงจึงพาเดินอ้อมไปทางข้างโรงงาน

อาณัติปรามเพลิงว่าไม่ชอบให้เขามาตีสนิทกับแฟนตน อยากให้อยู่ห่างๆน้ำฝนเอาไว้ เพลิงบอกว่าตนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับน้ำฝน ขอให้เขากลับบ้านไปนอนหลับสบายได้เลย เพลิงจะเดินไปอาณัติขวางไว้อีกตะคอกว่า

“ฉันรู้ว่าแกอยากขโมยน้ำฝนไปจากฉัน แกก็เหมือนกับแม่แกนั่นแหละที่ขโมยลุงพิภัชไปจากคุณยาย แม่แกทำให้คุณยายตรอมใจจนต้องเป็นแบบนี้!”

น้ำฝนเพิ่งมาถึง เห็นรถของเพลิงก็จำได้ สมองยังคิดสับสนกับเรื่องที่ฟังจากอาณัติ โปรดิวเซอร์มองน้ำฝนอย่างมีเลศนัยแล้วรีบไปบอกว่าเห็นรถอาณัติอยู่ที่นี่ เท่านั้นไม่พอชี้ให้น้ำฝนดูอาณัติที่ยืนคุยกับเพลิงด้วย

“จัดการถ่ายสต๊อกโรงงานคร่าวๆไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” พูดแล้วน้ำฝนรีบเดินไป

“ได้ค่ะ” โปรดิวเซอร์รับคำ ล้วงเงินสองพันในกระเป๋าออกมาดูแล้วยิ้มกับงานง่ายๆนี้

ooooooo

อาณัติยังกล่าวหาเพลิงอย่างเหยียดหยันว่าคงรอว่าเมื่อไรคุณยายจะเป็นอะไรไป จะได้ฉวยโอกาสอ้างความเป็นหลานเข้ามาเสวยสุขที่บ้านปางพญา

แม้เพลิงจะบอกว่าเราต่างคนต่างอยู่อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ให้เสียเวลาเลย อาณัติก็ยังพูดไม่หยุด หันไปเห็นน้ำฝนกำลังเดินมาก็กระชากคอเสื้อเพลิงเข้าไปด่าหาว่าเพลิงคิดจะฮุบสมบัติของคุณยาย ไม่คิดเลยว่าคนที่มีเลือดชาตโยธินอย่างเขาจะคิดอะไรสกปรกอย่างนี้ได้

น้ำฝนเดินมาได้ยินพอดี เธอชะงักฟัง...

อาณัติรู้ว่าน้ำฝนยืนฟังอยู่ เขายิ่งใส่ร้ายป้ายสีเพลิงว่าทำร้ายทองตราและหวังจะฮุบสมบัติของชาตโยธิน ซ้ำยังไม่เห็นเพลิงมีทีท่าจะตอบโต้ จนกระทั่งอาณัติด่าเบาๆ แค่ได้ยินกันสองคนว่า

“ไหนๆพ่อแกก็ตายไปแล้ว แม่แกคิดจะจับน้ารุต ต่อหรือเปล่า เป็นหม้ายทั้งคู่อาจจะถูกใจกันก็ได้นะ”

“ไอ้ชาติชั่ว!!” เพลิงสุดจะทนชกอาณัติล้มลง น้ำฝน พุ่งเข้าไปห้าม ประคองอาณัติขึ้นมาถามอย่างเป็นห่วงทั้งยังหันไปด่าเพลิงเพราะเชื่อที่อาณัติพูด แม้เพลิงจะพยายามชี้แจง แต่เธอไม่ฟังทั้งยังสาปส่งว่าต่อไปไม่ต้องมาเห็นหน้ากันอีก เพราะตนจะไม่เหยียบมาที่นี่อีกแล้ว พลางเดินผละไป

“อย่าคิดฝันต่อกรกับฉัน เพราะแกจะมีแต่แพ้กับแพ้ ฉันจะเป็นเจ้าของทุกอย่าง ทั้งน้ำฝน...แล้วก็มรดกของคุณยาย” อาณัติพูดใส่หน้าเพลิงแล้วเดินตามน้ำฝนไป

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ