Thursday, July 7, 2011

พิมมาลา ตอนที่ ต

หลังคุยงานกับฟ้างามเสร็จ เพรียวกับน้ำนวลก็กลับออกมาพร้อมกัน

“เวลาผ่านไปเร็วจังเลยนะครับ ไม่ทันไรคุณน้ำก็จบปริญญาโทมาเป็นผู้ช่วยผมซะแล้ว”

น้ำนวลวางหน้าเรียบนิ่งไม่พูดอะไร จนเขาพูดประโยคต่อไปจึงได้จังหวะตอบโต้

“คุณน้ำเปลี่ยนไปมากเลยนะครับ นี่ถ้าผมเห็นคุณน้ำข้างนอกคงจำไม่ได้ เอางี้นะครับ สวยขึ้นผิดหูผิดตา”

“ขอบคุณค่ะ น้ำเองก็พยายามอยู่นาน เพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น ไม่ใช่คนเปิ่นๆเชยๆเหมือนเมื่อก่อน เพราะคนเราชอบตัดสินกันที่รูปลักษณ์ภายนอกก่อนไม่ใช่เหรอคะ”

เพรียวหน้าเจื่อน เจอย้อนแบบนี้ก็พูดไม่ออก...ช่วงนี้เองแวนเดินเข้ามาเรียกน้ำนวล ชวนไปหาอะไรกิน เพรียวมองหน้าไอ้หนุ่มมาดเซอร์คนนี้ก็จำได้ว่าเป็นลูกไฮโซคนดัง

“คุณเพรียวคะ นี่คุณจิตติวัฒน์ สักกบุตร แฟนน้ำค่ะ” น้ำนวลแนะนำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพรียวรู้สึกหมั่นไส้อย่างไม่มีสาเหตุ คิดในใจว่าน้ำนวลเอาแฟนมาอวด แนะนำซะเต็มยศ กลัวไม่รู้ว่ามีแฟนเป็นลูกรัฐมนตรี

“สวัสดีครับ คุณจิตติวัฒน์ ผมเคยเห็นข่าวคุณตามหน้าสังคมมานานแล้ว เพิ่งจะได้เจอตัวจริงวันนี้เอง”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกผมแวนก็ได้พี่”

เพรียวปั้นยิ้มกวาดตาสำรวจแวนตั้งแต่หัวจดเท้า หมั่นไส้ที่ใส่แบรนด์เนมทั้งตัว

“แวนเขาจบที่เดียวกับน้ำค่ะ คุณพ่อคุณแม่ของแวนท่านจะให้แวนทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แวนขอคำแนะนำจากคุณเพรียวได้เลยนะ” น้ำนวลตั้งใจข่มและอวดแฟน แต่แวนกลับทำให้เธอหน้าแตก

“โอ๊ย แวนไม่ทำหรอกนะน้ำ กินดอกเบี้ยแบงก์อย่างงี้ก็ดีอยู่แล้ว รับรองสมบัติที่พ่อแม่ทำมาไม่หายไปไหน ทำ

ไปเกิดเจ๊งขึ้นมาก็โดนด่าอีก แวนไม่เอาหรอก”

น้ำนวลรีบปั้นยิ้ม บ่นแวนว่าชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย แต่แวนก็ยังทำให้เธอเจื่อนหนักเข้าไปอีก

“แวนพูดจริง น้ำก็รู้ว่าแวนขี้เบื่อจะตาย อย่าว่าแต่งานเลย เรื่องเรียนก็เหมือนกัน ถ้าน้ำไม่บังคับแวนอ่านหนังสือ แวนก็ไม่จบหรอก”

เพรียวก้มหน้าเล็กน้อยแอบอมยิ้ม น้ำนวลฝืนปั้นยิ้มไปมารู้สึกว่าแฟนตนไม่เอาไหน แอบหยิกเขาให้หยุดพูด

“โอ๊ย น้ำมาหยิกแวนทำไมเนี่ย”

เพรียวกลั้นหัวเราะ และคิดในใจ “สงสัยจริงจริ๊ง ผู้หญิงสวยขึ้นนี่ต้องโง่ขึ้นด้วยเหรอวะ”

ขณะนั้นเอง ดลวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเพรียว บอกว่าดารณีจะโดดตึก ตอนนี้อยู่บนดาดฟ้า เพรียวจึงรีบตาม

ดลไป โดยมีน้ำนวลกับแวนก้าวตามไปด้วย

ดารณีร้องไห้สะอึกสะอื้นยืนริมขอบตึกน่าหวาดเสียว พนักงานหลายคนร้องห้าม มีนักข่าวจำนวนหนึ่งคอยเก็บภาพทำข่าว และตำรวจคอยกล่อมเธอให้ใจเย็นๆ เมื่อเพรียววิ่งเข้ามาดารณีก็ยิ่งร้องไห้ใหญ่ รำพันตัดพ้อต่อว่าเพรียวที่ทำให้เธอเสียใจ

“ดาใจเย็นๆนะ ดาจะทำอะไรคิดถึงแม่บ้าง แม่ดาเขาหวังฝากผีฝากไข้กับดานะ”

“พี่เพรียวไม่ต้องมาพูดดีเลย เพราะพี่นั่นแหละ พี่เห็นดาเป็นของเล่น เห็นความรักของดาไม่มีความหมาย รู้มั้ยว่าดาทุ่มเทให้พี่มากขนาดไหน ทำไมพี่ถึงทำกับดาแบบนี้”

เพรียวฝืนยิ้มแหยๆ ที่ทุกคนหันมามองตน นักข่าวมันมือถ่ายภาพทั้งดารณีและเพรียวไว้เพียบ

“พี่ยอมรับว่าพี่ไม่ใช่คนดีอะไร แล้วดาจะเอาชีวิตของดามาทิ้งเพราะคนอย่างพี่ทำไม คุณแม่ดาท่านไม่มีใครแล้วนะนอกจากดา ไม่มีดาแล้วท่านจะอยู่ยังไง”

ดารณีปล่อยโฮทันที ตำรวจฉวยโอกาสตรงเข้าชาร์จแล้วล็อกตัวดารณีพากลับมาในที่ปลอดภัยได้สำเร็จ ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน

ooooooo

ผลพวงจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้เพรียวถูกฟ้างามเรียกมาตำหนิในวันรุ่งขึ้น

“เธอเห็นข่าวมั้ยเพรียว ข่าวออกแทบทุกสื่อ พนักงานระดับสูงของเซนซูยาเป็นพวกเสือผู้หญิง ภาพพจน์ห้างเราเสียหายหมด และโดยส่วนตัวแล้วพี่เกลียดเรื่องแบบนี้ที่สุด”

เพรียวจ๋อยสนิท น้ำนวลที่นั่งเงียบอยู่ข้างฟ้างามอดเหล่มองเพรียวด้วยสีหน้าเห็นใจไม่ได้

“นี่ยังดีนะที่ดารณีไม่โดดลงไปจริงๆ ไม่อย่างงั้นเรื่องจะแย่หนักกว่านี้”

“ผมเองก็เสียใจครับ เมื่อกี๊ผมก็เพิ่งไปเยี่ยมดาที่โรงพยาบาลมา ผมไปขอร้องเขาว่าอย่าวู่วามแบบนี้อีก”

“ที่จริงพี่ก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอหรอกนะเพรียว แต่พี่ก็ได้รับบัตรสนเท่ห์เกี่ยวกับพฤติกรรมเรื่องผู้หญิงของเธอมาเป็นระยะๆ คราวนี้พี่คงมองข้ามต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ”

น้ำนวลแอบทิ้งค้อนใส่เพรียวอยู่ในที เพรียวไม่พอใจฟ้างามและนึกอายน้ำนวลจึงโพล่งออกไป

“ถ้าคุณฟ้างามเห็นว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก งั้นผมขอรับผิดชอบด้วยการลาออกก็แล้วกันครับ” พูดไปแล้วแอบมั่นใจว่าฟ้างามต้องหงอง้อเพราะตนเก่ง แต่เพรียวคิดผิดถนัด คำพูดถือดีของเพรียวกลับทำให้ฟ้างามยิ่งโกรธ

“ถ้าคุณคิดดีแล้วก็ตามใจคุณแล้วกัน”

เพรียวอึ้งไปเลย ไม่คิดว่าฟ้างามจะไม่ง้อตน น้ำนวลหน้าเสีย ท้วงทันที

“น้างามคะ ไม่ลงโทษแรงไปเหรอคะ พี่เพรียวทำงานให้เรามานาน ผลงานก็เยอะแยะไปหมด ไม่น่าจะถึงขั้นให้ออกเลยนะคะ”

เพรียวไม่คิดว่าน้ำนวลจะออกรับแทนตน แถมยังกลับมาเรียกตนว่า “พี่เพรียว” อีกครั้ง แทนคำว่า “คุณเพรียว” ด้วย

“น้าไม่ได้ให้ออกนะ มันเป็นการตัดสินใจของเพรียวเขาเองต่างหาก”

เพรียวขบกรามแน่น เกิดทิฐิไม่ยอมแพ้ขึ้นมา “ครับ ผมตัดสินใจเอง ผมจะเขียนใบลาออกวันนี้เลยครับ” พูดจบก็ยกมือไหว้แล้วเดินออกไปทันที ฟ้างามได้แต่ถอนใจ นึกเสียดายคนมีฝีมืออยู่เหมือนกัน

ooooooo

ใช่แต่โดนฟ้างามเล่นงานจนบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพรียวไปหาเต็มตาที่โรงแรมก็ถูกเธอเฉ่งเข้าให้อีก

“นี่ถ้าเด็กคนนั้นไม่โดดตึก เต็มก็คงไม่มีทางรู้หรอกว่าแฟนตัวเองทำอะไรลับหลังเต็มไว้บ้าง คุณเห็นเต็มเป็นตัวอะไร”

“ผมขอโทษเต็ม ผมจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ผมลาออกจากเซนซูยาแล้วนะ ต่อไปเต็มก็สบายใจได้

ผมกับดาจะไม่ได้เจอกันอีก”

จากที่โกรธกลายเป็นตกใจสุดๆ “ลาออกแล้วเพรียวจะไปทำงานอะไร เงินเดือนสูงขนาดเพรียวไม่ได้หางานใหม่ ได้ง่ายๆนะ”

“ผู้บริหารเขม่นผมแบบนั้น แป้กแหงๆ ผมทนทำต่อไปไม่ไหวแล้วล่ะเต็ม”

“เต็มก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะ เต็มเป็นผู้หญิงทำงานเก่ง ได้โล่ ได้รางวัลเต็มตู้ไปหมดคุณก็เห็น เต็มอายค่ะที่จะมีแฟนตกงานเพราะถูกไล่ออก”

“ผมลาออกเอง”

“มันก็ว่างงานเหมือนกันนั่นแหละ เอางี้แล้วกัน เราห่างกันซักพัก จนกว่าคุณจะได้งานที่มั่นคงทัดเทียมกับเต็ม แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่” เต็มตาสะบัดจากไป ทิ้งเพรียวยืนคอตกจ๋อยสนิท

เพรียวยังไม่กลับออกจากโรงแรม เข้าไปในร้านอาหารกึ่งผับสั่งเหล้ามาดื่มแก้เครียดแก้เซ็ง พอมึนได้ที่ก็บ่นกับตัวเองประชดชีวิต

“วันนี้มันวันอะไรของมันวะ ตกงาน โดนผู้หญิงทิ้ง 3 เด้ง...ซวยบัดซบ”

ทันใดนั้นเองรัมภาก็ปรากฏตัวตรงหน้า ทำเอาเพรียวแทบหายเมา แววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ

“คุณรัมภา...เราเจอกันแบบไม่คาดฝันอีกแล้วนะครับ คราวเนี้ยผมจะจับตัวคุณไว้เลย เดี๋ยวจะหายตัวหนีผมไปอีก”

รัมภายิ้มบางๆ นั่งลงตรงข้ามเขา “รับรองว่านับจากวันนี้ ฉันจะไม่หนีคุณไปไหน คุณนั่นแหละจะเป็นฝ่ายอยากไล่ฉันเอง”

“ผมจะไล่คุณได้ยังไงครับ คุณรู้มั้ยวันนี้เป็นวันที่ซวยที่สุดในชีวิตผมเลย มีแต่เรื่องเลวร้ายทั้งนั้น...มีโชคดีก็เรื่องเดียวที่ได้เจอคุณอีก”

“จริงเหรอคะ...ฉันมีเรื่องอยากถามคุณข้อนึง”

“หลายๆข้อก็ได้ครับ”

“ถ้าเกิดมีผู้หญิงคนนึงโชคร้ายเพราะความสวยของตัวเอง ไม่ว่าจะไปไหนก็ตกเป็นวัตถุทางเพศให้ผู้ชายจับจ้องตลอดเวลา คุณจะช่วยเธอยังไงคะ”

“ผมก็จะคอยเป็นกำลังใจให้เธอเข้มแข็ง แล้วถ้าผมได้อยู่ใกล้ๆกับเธอ ผมก็จะเป็นคนปกป้องดูแลเธอเอง” ไม่พูดเปล่า เลื่อนมือมาจะกุมมือสาวสวย แต่เธอชักมือหนีอย่างรู้ทัน

“ฉันอยากฟังคำนี้แหละค่ะ ไปเดินเล่นกันมั้ยคะ ที่นี่อึดอัดจังเลย”

เพรียวตอบรับด้วยความดีใจ รีบหยิบเงินวางบน

โต๊ะ ขณะเดินตามเธอไปก็คิดในใจว่าคืนนี้โชคดีได้อิ่ม

อร่อยแน่ แต่หารู้ไม่ว่าเขากำลังคิดผิด ความโชคร้ายต่างหากที่กำลังจะมาเยือน

เดินตามกันไปสักครู่ เพรียวชักแปลกใจถามเธอว่า “นี่เราจะไปไหนกันครับเนี่ย ผมจำได้ว่าที่จอดรถมันอยู่อีกด้านนึงไม่ใช่เหรอครับ”

“ตามมาเถอะค่ะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

รัมภาเดินเลี้ยวไปทางสวนของโรงแรม พอพ้นแนวต้นไม้เพรียวก็แทบช็อก เมื่อเห็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ปลูกอยู่ริมทะเลสาบสีเงินยวง พื้นน้ำใสดั่งกระจก ตัวสวนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์สวยจับตา แถมเห็นภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังทะเลสาบ บนยอดเขาเต็มไปด้วยหิมะปกคลุม

“นี่มันที่ไหนกันน่ะคุณรัมภา ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าที่นี่เป็นสวนของโรงแรม”

“คุณเข้าใจถูกแล้วค่ะ สวนของโรงแรมที่ไหนมันจะงดงามเทียบเท่ากับสวนขวัญเชิงเขาไกรลาสแห่งนี้ได้ มนุษย์น้อยคนนักที่เคยล่วงล้ำเข้ามา คนสุดท้ายก็คือท้าวอิลราช ที่ต่อมาต้องกลายเป็นนางอิลายังไงล่ะคะ”

“นี่มันเรื่องในละครเวทีที่ผมเคยดูมานี่ครับ คุณรัมภาก็ไปดูเหมือนกันเหรอครับ”

“ฉันเคยอยู่เลยล่ะค่ะ”

“คุณรัมภานี่มีอารมณ์ขันจริงๆเลยนะครับ”

“ฉันกำลังจะบอกคุณว่าสวนขวัญแห่งนี้มีคำสาป สวนขวัญเชิงเขาไกรลาสเป็นสถานที่ส่วนตัวขององค์พระศิวะมหาเทพและพระชายา ห้ามมิให้ชายใดย่างกรายเข้ามา มิว่าทวิบาทหรือจตุบาท ตั้งใจหรือมิตั้งใจก็ต้องกลับกลายเป็นหญิงไปด้วยคำสาปแห่งองค์”

ความกลัวบางอย่างตามสัญชาตญาณแล่นขึ้นมาจับใจเพรียวทันที

“นี่คุณหมายความว่า...” เพรียวพูดออกไปเป็นเสียงผู้หญิง...เขาตกใจมาก ยกมือขึ้นกุมคอตัวเอง

“คุณเห็นสัตว์ในสวนนี้แล้วใช่มั้ย ไม่มีตัวผู้ซักตัว ก็เพราะมันกลายร่างเป็นเพศเมียไปหมดแล้วยังไงล่ะ เหมือนที่ท้าวอิลราชกลายเป็นนางอิลา และคุณ...ก็กำลังจะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุด”

หมอกค่อยๆลงจัด พริบตาเดียวทั้งตัวรัมภาและสวนขวัญก็กลืนหายไปในหมอกจนมองไม่เห็นอะไรเลย เพรียวกลัวสุดขีดตะโกนลั่นออกมา แต่เสียงนั้นก็เป็นผู้หญิงอยู่อีก

“ผู้หญิงสวยที่สุดคนนั้นชื่อพิมมาลา...จำไว้...พิมมาลา” สิ้นเสียงรัมภา ร่างของเพรียวถูกกลืนหายไปในสายหมอกจนหมดสิ้นพร้อมเสียงร้องตกใจขอความช่วยเหลือของพิมมาลา จากดังลั่นค่อยๆเบาจนเงียบหายไป...

ภายในห้องคอนโดฯเพรียว เป็นเวลาเช้าแล้วเพรียวตื่นนอนและพบว่าตัวเองเป็นผู้หญิง สรีระร่างกายมีส่วนเว้าส่วนโค้งเป็นผู้หญิงโดยแท้ เขาส่ายหน้าไปมาไม่ยอมรับ วิ่งไปยืนหน้ากระจกในห้องน้ำ ภาพที่ปรากฏคือสาวสวยคนหนึ่งกำลังยืนช็อกที่เห็นใบหน้าตัวเอง

“ไม่จริง...เรากำลังฝันอยู่ มันไม่เป็นความจริง”

แม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ความจริงเวลานี้ก็คือไม่มีร่างนายเพรียวอีกแล้ว มีแต่หญิงสาวที่ชื่อพิมมาลาที่รูปร่างหน้าตาสวยสะดุดไม่ใช่เล่น

เมื่อทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนก็จำได้ว่าใครคือตัวการทำให้เกิดเรื่องแปลกประหลาดกับชีวิตตน พิมมาลาในท่วงท่าผู้ชายจึงกลับออกมาที่ห้องโถงด้วยความแค้นสุดๆ

“รัมภา ออกมาเดี๋ยวนี้นะ คุณเล่นตลกอะไรเนี่ย จะมาทำกับผมยังงี้ไม่ได้นะรัมภา”

ขาดคำ นางฟ้ารัมภาก็ปรากฏตัวในชุดแม่บ้านฝรั่ง ฟาดทัพพีไม้ในมือเข้าที่หัวพิมมาลาดังโป๊ก

“ทำไมจะไม่ได้ยะ อุตส่าห์สาปให้อยู่ในร่างสวยๆแล้วยังจะเรื่องมากอีก เดี๋ยวก็สาปให้เป็นไส้เดือนกิ้งกือซะเลยนี่ จะว่าไปนายสวยกว่านางอิลาอีกนะเนี่ย แต่เซ็กซี่เย้ายวนน้อยกว่าฉันหน่อย”

“ต๊องรึเปล่าวะ...หยุดพูดบ้าบอซะทีนะรัมภา นี่ตกลงคุณเป็นใครกันแน่ เป็นปิศาจซาตานจากนรกขุมไหนถึงได้มาทำกับผมแบบนี้”

รัมภาโกรธ ใช้ทัพพีตีหน้าผากพิมมาลาจนร้องจ๊าก

“ซาตานที่ไหนจะสวยอย่างฉันยะ จะบอกให้นะ ฉันนี่แหละนางฟ้าตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะย่ะ”

“คุณเป็นนางฟ้าแล้วมาแกล้งผมทำไม รีบถอนคำสาปให้ผมกลับเป็นผู้ชายเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ฉันไม่ได้แกล้ง แต่ฉันจะให้บทเรียนนาย นายจะกลับเป็นผู้ชายได้ก็ต่อเมื่อผ่านบททดสอบของฉันแล้วเท่านั้น”

“บททดสอบบทเรียนอะไร คิดว่าตัวเองเป็นครูใหญ่รึไง”

“นายจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างของนางสาวพิมมาลาจนเรียนรู้ว่าการเกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบากยังไงน่ะสิ ไอ้ชีกอ”

“จะบ้าเหรอ”

“ไม่บ้าหรอก เผื่อนายจะสำนึกได้มั่งว่าผู้หญิงไม่ได้มีไว้เป็นเครื่องเล่นของผู้ชาย ผู้หญิงก็มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับผู้ชาย และนายก็ควรให้เกียรติผู้หญิงที่เป็นเพศแม่ของนายเอง... แค่นี้นะ ฉันกวนข้าวทิพย์อยู่ เดี๋ยวไหม้”

พูดเสร็จรัมภาก็หายตัวแวบไปทันที พิมมาลาร้องเรียกไม่ทัน ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น

“สาปฉันแล้วยังมาบังคับให้ฉันทำเรื่องบ้าๆบอๆอีกเหรอ ฉันไม่มีวันยอมแพ้เธอหรอกรัมภา...โธ่โว้ย นี่ฉันต้องอยู่ในร่างกายอ่อนแอแปรปรวนไร้สติจริงๆเหรอเนี่ยโอ๊ย...อยากจะบ้าตาย”

จากนั้นไม่นาน พิมมาลาในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ของเพรียวก็ไปโผล่ที่อพาร์ตเมนต์ที่ดลอยู่ ดลยังไม่สร่างเมา พอเห็นสาวสวยมาเคาะห้องก็นึกว่าโชคหล่นใส่แต่เช้ารีบเชื้อเชิญเจ้าหล่อนให้เข้ามาในห้องทันที

เพรียวหรือพิมมาลาพยายามอธิบายจะให้ดลเข้าใจถึงความโชคร้ายของตน แต่ดลก็เอาแต่หน้ามืดตามัวจ้องจะงาบสาวสวย อีกอย่างเรื่องบ้าๆแบบนี้ใครที่ไหนจะไปเชื่อ เพรียวเลยได้แต่กลัดกลุ้ม แต่แล้วนึกได้หยิบบัตรประชาชนออกมายืนยัน แต่ปรากฏว่าในบัตรก็ดันระบุชัดเจนว่า “นางสาวพิมมาลา เชิงไกรลาส”

“เวรเอ๊ย ปลอมกระทั่งบัตรประชาชนเลยเหรอเนี่ย ยัยนางฟ้าตัวแสบ”

“ใช่จ้ะ นางฟ้าของดล มามะ...มาเป็นของพี่นะจ๊ะคนสวย” ดลไขว่คว้าเป็นมือปลาหมึก เลยโดนเขากระทุ้งเข่าเข้าเป้ากางเกงจนจุกแอ่กนอนร้องครวญครางอยู่ตรงนั้น...

กลับออกมาเคว้งคว้างอยู่ริมถนนอย่างไม่รู้จะไปไหน พลันก็หันไปเห็นจราจรสาวคนหนึ่ง เพ่งไปเพ่งมากลายเป็นนางฟ้ารัมภา จึงปรี่เข้าไปหาด้วยความโมโห

“เมื่อไหร่จะคืนร่างให้ผมซะที ผมไม่ใช่พวกฆ่าข่มขืนนะ ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย”

“ก็เพราะนายไม่ใช่น่ะสิ ถึงโดนแค่นี้ ถ้านายเป็นอย่างไอ้พวกนั้นล่ะก็ นรกอเวจีโน่นเลย...ไม่ได้อยู่สุขสบายยังงี้หรอก ส่วนเรื่องคืนร่าง นายก็ต้องผ่านบททดสอบของฉันให้ได้ซะก่อน ไม่อย่างงั้นก็อย่าหวังเลย”

“คุณสาปผมด้วยเหตุผลบ้าๆบอๆ เรื่องอะไรผมจะต้องเชื่อฟังคุณด้วย”

“การที่ฉันจะทำให้นายสำนึกว่าอย่าไปเที่ยวหลอกผู้หญิง เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นเนี่ยนะเหตุผลบ้าๆบอๆ ก็ได้ ในเมื่อนายไม่ยอมรับผิด เราก็มาลองดูกันว่าระหว่างนายกับฉัน ใครจะชนะ”

พิมมาลากับรัมภาจ้องหน้ากันเขม็ง ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้ จู่ๆจราจรรัมภาก็ฉีกใบสั่งแปะกลางหน้าผากพิมมาลาจนหน้าหงาย แล้วหายตัวไปอย่างฉับพลัน ทิ้งอีกฝ่ายยืนเตะลมแล้งอย่างหงุดหงิด

ส่วนที่บ้านฟ้างามค่ำนี้ แวนกำลังจะเดินทางไปปาร์ตี้กับเพื่อนที่เชียงใหม่ เขาบอกลาน้ำนวลที่เอาแต่หมกมุ่นกับงานจนข้าวปลาไม่ยอมกิน ทำที่ออฟฟิศไม่พอ ยังหอบเอากลับมาทำต่อที่บ้านอีก นั่นก็เพราะเพรียวเพิ่งลาออกไป งานทั้งหลายน้ำนวลเลยต้องรับช่วงมา

“นายคนนี้สำคัญมากรึไง ลาออกทีเห็นใครต่อใครวุ่นวายกันไปหมด” แวนถามกึ่งบ่น

“ไม่เลยแวน เขาไม่ใช่คนสำคัญขนาดนั้นหรอก” น้ำนวลเสียงแข็ง สีหน้าปั้นปึ่ง เพราะยังเจ็บช้ำใจไม่หาย

ooooooo


เมื่อใจยังคงเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ พิมมาลาจึงเดินหน้าไปตัดผมที่ยาวสลวยให้สั้นกุดแบบผู้ชาย แต่พอกลับออกมาหน้าร้าน เส้นผมก็งอกยาวออกมาเป็นทรงเดิมอีก พร้อมๆกับการปรากฏตัวของรัมภา

“ไงจ๊ะน้องสาว มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวจ๊ะ”

พิมมาลาจ้องหน้ารัมภาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เจ็บใจที่โดนเธอแกล้งอีกแล้ว ครั้นจะโวยวายอาละวาด เธอก็หนีหายไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งกลับถึงห้องพักในคอนโดฯเห็นเธอนั่งพับเพียบพับผ้าอยู่ที่โซฟา จึงพุ่งเข้าไปต่อว่าอย่างฉุนเฉียว

“คุณมันไม่ใช่นางฟ้าหรอก อย่างคุณมันผีนรกชัดๆ ผมไปทำอะไรให้คุณ คุณถึงได้ตามจองเวรผมไม่เลิก ผู้ชายอย่างผมมีอยู่ครึ่งค่อนโลก ทำไมถึงไม่ไปเล่นงานคนอื่นบ้าง จ้องเล่นงานแต่ผมคนเดียว”

“ก็ฉันเคยบอกนายแล้วไง ว่าฉันมีสิทธิ์ลงโทษนาย ผู้ชายคนอื่นฉันไม่มีสิทธิ์”

“สิทธิ์บ้าบออะไรของคุณ ชาติที่แล้วผมไปฆ่าคุณตายรึไง คุณถึงต้องกลายเป็นผีมาอาฆาตจองเวรอย่างงี้”

รัมภาโกรธมากลุกขึ้นยืนบนโซฟาชี้หน้า “แกว่าฉันเป็นผีเหรอไอ้เพรียว”

“เนี่ยเหรอนางฟ้า แอ๊บหลุดแล้วสิ นังซาตาน”

“อยากกลับร่างเดิมมากนักใช่มั้ย ได้” รัมภาทำให้พิมมาลากลายร่างเป็นเพรียว แต่ยังมีหน้าอกหน้าใจเต่งตูมเหมือนผู้หญิง เพรียวก้มมองแล้วตกใจแทบช็อก รัมภาหัวเราะคิกคัก ลงจากโซฟาด้วยท่าทีกวนๆ

“ก็อยากกลับร่างเดิมฉันก็ทำให้แล้วไง แต่กลับได้ครึ่งเดียวนะ อีกครึ่งฉันไม่ให้”

เพรียวรีบหันหลัง รูดซิปกางเกงเอามือล้วงเช็กสมบัติ สีหน้าโล่งอกที่เพรียวน้อยยังอยู่

“กะเทยงู” รัมภาแซว...ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ เพรียวหันขวับกลับมาชี้หน้า “อย่าเอามือสกปรกมาชี้หน้าฉันนะ ไปล้วงอะไรมา ทุเรศ”

“ฉันจะฆ่าแก” เขาตรงเข้าหารัมภา แต่แล้วต้องหยุดกึก เพราะรัมภาทำให้หน้าอกของเขาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเหมือนลูกโป่ง ใหญ่มากจนเขายืนไม่ไหว ล้มลงนอนโดนหน้าอกตัวเองทับอยู่กับพื้น

“อึ๋มไม่ต้องพึ่งแพทย์” รัมภาหัวเราะสะใจ แต่เพรียวกำลังแย่ พูดเสียงอู้อี้บี้แบน

“ยอมแล้ว...ผมหายใจไม่ออก...ช่วยด้วย”

“จำไว้เลยนะ อย่ามาหยาบคายมึงมาพาโวยหรือเรียกฉันเป็นผีบ้าซาตานอีก ฉันไม่ชอบ”

ทันทีที่รัมภาดีดนิ้ว ร่างของเพรียวก็กลายเป็นพิมมาลา ทุกอย่างกลับเป็นปกติเหมือนเดิม...พิมมาลารีบลุกขึ้นสำรวจตัวเอง ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่มีอะไรขาดๆเกินๆอีก ก็ยังพอโล่งอก

“วันนี้ถือว่าฉันสั่งสอน ถ้าคิดได้เมื่อไหร่ก็ทำตามข้อเสนอของฉันซะ ไม่อย่างงั้นนายจะต้องอยู่ในร่างผู้หญิงไปทั้งชาติ” รัมภาทิ้งค้อนแล้วหายตัวแวบไป

พิมมาลากำหมัดกัดฟันแน่นเจ็บใจสุดๆ ตั้งฉายาให้เธอว่า “ยัยนางฟ้าสารพัดพิษ”

Ooooooo

เมลานีไม่อยากน้อยหน้าน้ำนวล จึงต้องการจะไปเรียนเมืองนอกบ้าง แต่พอเธอกระเง้ากระงอดรบเร้ามานิดา คนเป็นแม่ก็ท่าทีอ่อนใจ อดขบกัดลูกสาวสุดรักไม่ได้

“หนูก็รีบเรียนปริญญาตรีให้จบซะทีสิคะ เด็กปีหนึ่งจะจบก่อนหนูแล้วนะลูก แม่อายเพื่อนๆ จนไม่กล้าคุยเรื่องนี้แล้ว”

เมลานีกระทืบเท้าเหมือนเด็กเอาแต่ใจ “ก็เมไม่อยากเรียนในไทยแล้วนี่คะคุณแม่ ถ้าเมแพ้น้ำก็เหมือนกับแม่แพ้อางามเหมือนกัน”

“หนูก็รู้นี่นา ว่าถึงคุณพ่อจะยกย่องแม่ออกหน้าออกตายังไง แม่ก็เป็นได้แค่บ้านเล็กอยู่ดี ถ้าบ้านใหญ่เขาไม่ยอม แม่จะเอาเงินที่ไหนส่งหนูไปเรียนต่างประเทศล่ะจ๊ะ”

“นี่ตกลงเราจะทำอะไร ต้องรอให้ยัยแก่นั่นอนุมัติก่อนเหรอแม่ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยใช่มั้ยคะ นอกจากเงินเดือนแค่หยิบมือที่คุณพ่อให้”

“ไม่หรอกลูก แม่ไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างไปตลอดชีวิตหรอก ยังไงแม่ก็ขึ้นชื่อว่าเมีย แม่ต้องได้ในสิ่งที่แม่ควรได้”

เมลานีหมดอารมณ์ไม่อยากฟังต่อ เดินหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดนำหน้าแม่ออกไปก่อน...ส่วนที่ฝ่ายการตลาดและโฆษณาภายในห้างเซนซูยา วันนี้ดลโทร.หานางฝากลางานหนึ่งวัน นางซักถามนิดหน่อยก่อนวางสายแล้วมาบอกต่อน้ำนวลที่นั่งอยู่ท่ามกลางแฟ้มงานสูงท่วมหัว

“คุณน้ำคะ ดลโทร.มาขอลาหยุดอีกวันนะคะ”

น้ำนวลพยักหน้ารับทราบ นางยังไม่วายบ่นถึงดลว่าซวยจริงๆ นอนอยู่ในห้องแท้ๆ โดนผู้หญิงโรคจิตบุกเข้าไปทำร้ายเอาได้...

น้ำนวลไม่ได้ใส่ใจ สนใจงานตรงหน้ามากกว่าว่าทำไมถึงมากมายนัก ถามนางว่าพี่เพรียวทำงานหนักอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอ?

“ค่ะคุณน้ำ พี่เพรียวแกอึด ขี้หลีแต่ไม่หนีงานค่ะ ไม่ว่าจะงานหนักแค่ไหน ข้ามวันข้ามคืนยังไงก็ไม่เคยบ่น ไม่งั้นเขาจะยุบรวมฝ่ายการตลาดกับโฆษณาให้พี่เพรียวคุมคนเดียวเหรอคะ

สมน้ำหน้านายทศกร กร่างดีนัก เป็นหัวหน้าการตลาดอยู่ดีๆ กลายเป็นลูกน้องพี่เพรียวเฉยเลย”

น้ำนวลหน้าขรึมลงคิดถึงเพรียว พอนางกลับออกไปแล้ว เธอหยิบรูปหมู่ที่เพรียวถ่ายกับคนในแผนกขึ้นมาดู

“คุณรู้มั้ย สองปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย ฉันท้อ ฉันจะบอกกับตัวเองตลอดว่าฉันต้องไม่แพ้ ฉันต้องเอาชนะคุณ ให้คุณมาคุกเข่าต่อหน้าฉันให้ได้...ทำไมคุณต้องหนีฉันไปด้วยคะ”

น้ำนวลหน้าเศร้า จริงๆแล้วตนไม่เคยลืมเพรียวเลย แม้ว่าจะคบอยู่กับแวนแต่ก็เป็นความรู้สึกแบบเพื่อนมากกว่า ส่วนลึกของจิตใจยังคงมีแต่เพรียวเสมอ

Ooooooo

ในห้องพักของเพรียว...พิมมาลาเพิ่งลืมตาตื่นหลังจากนอนหลับสบายมาครึ่งค่อนวัน รัมภานั่งไขว่ห้างมองมา อดแขวะไม่ได้ว่า “ใจคอจะนอนทั้งวันเลยรึไง”

พิมมาลาหน้าบึ้ง ลุกจากเตียงจะเดินหนี รัมภารีบลุกไปดักหน้า

“เดี๋ยว ถึงเวลาที่นายต้องทำงานทำการซะทีแล้ว” พูดจบก็ผลักพิมมาลานั่งลงที่เตียง พร้อมยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้า “เซนซูยาเขารับสมัครงานฝ่ายโฆษณา นายรีบไปสมัครได้แล้ว”

พิมมาลาดึงกระดาษมาดู พลางชำเลืองมองรัมภาที่ใส่กระโปรงค่อนข้างสั้นเผยให้เห็นช่วงขาเรียวสวย

“ขาเนียนเชียวโว้ย นี่ถ้าใส่บิกินี่จะแจ่มขนาดไหนเนี่ย” พิมมาลาคิดในใจ แต่ทันใดก็สะดุ้งโหยงกับเสียงตวาดของรัมภา

“ไอ้ลามก กุดยังงี้แล้วยังไม่วายอีกนะ”

“นี่คุณอ่านใจผมได้ด้วยเหรอ อย่างงี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะคุณ”

“ถ้าไม่อ่านจะรู้เหรอว่านายคิดทุเรศอะไรบ้าง ฉันล่ะเกลียดนักไอ้พวกเห็นผู้หญิงแล้วชอบคิดอุบาทว์ คอยดูเถอะ แม่จะสาปให้เหลือแต่ตอให้หมดเลย” ว่าแล้วก็หายแวบไปอย่างอารมณ์เสีย

“ฉันไม่เหลืออะไรให้เธอสาปแล้วโว้ย...ถูกสาป จริงสิ แล้วทำไมไม่หาคนมาถอนคำสาปให้วะ”

คิดได้ดังนั้น เพรียวแจ้นไปหาหลวงลุงถึงวัดที่อุทัยธานีในเย็นนั้นเลย แต่การไปของเพรียวอยู่ในคราบของพิมมาลาหญิงสาวแสนสวย แม้จะแต่งตัวแบบชาย แต่สรีระร่างกายก็บ่งชัดว่าเป็นหญิง การพูดจาของเพรียวจึงติดๆขัดๆ จนหลวงลุงกับตายิ้มพากันงุนงง เพรียวเลยต้องขออนุญาตคุยกับหลวงลุงสองต่อสอง แต่ตายิ้มก็ยังกระเซ้าเข้าให้ว่า

“จะสึกพระเชียวเหรอแม่หนู ไม่กลัวบาปกลัวกรรมบ้างรึไง”

“ไม่ใช่ครับ...เอ่อ...คือ...” ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เลยตัดใจพูดตรงๆ “ผมเพรียว หลานชายหลวงลุงไงครับ”

“นี่เจ้าเพรียวเองเหรอ ไหนพ่อกับแม่เอ็งเขาบอกว่าเอ็งได้ดิบได้ดีเป็นผู้จัดการใหญ่โต แล้วไหงเป็นอย่างงี้ไปได้ล่ะ”

“สวยกว่าผู้หญิงจริงๆซะอีก”

ไปกันใหญ่แล้ว หลวงลุงกับตายิ้มเข้าใจว่าเพรียวแต๋วแตกถึงกับเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาดหนัก

“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นผู้ชาย เป็นผู้ชายทั้งแท่ง แต่ผมโดนนางฟ้าสาปให้เป็นผู้หญิงครับหลวงลุง”

หลวงลุงอึ้งปนงง สบตากับตายิ้มไปมา ไม่แน่ใจว่าเจอคนบ้าหรือเปล่า...หลังฟังเรื่องราว

จากพิมมาลา หลวงลุงมีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนตายิ้มยังเกาะติดอย่างไม่ไว้ใจพิมมาลานัก

“มันประหลาดจนเหลือเชื่อ ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยได้ยินอะไรอย่างงี้เลย ถ้าเจ้าคือเพรียวจริงๆ ตอนเอ็งเจ็ดขวบ เอ็งเคยหนีมาหาข้าที่วัดครั้งนึง เอ็งจำได้มั้ย”

“จำได้ครับ ผมทำแจกันจากเมืองจีนของพ่อแตก ก็เลยหนีมาหาหลวงลุงให้ช่วยพูด ผมเลยไม่ถูกตีครับ”

หลวงลุงชะงักก่อนจะซักต่อ “มีความลับอะไรที่เอ็งกับข้ารู้กันสองคนมั่งล่ะ”

“ตอนนั้นผมสิบสี่ มีเรื่องชกกับไอ้ทอมลูกชายสารวัตรธวัชชัย ผมถูกรุม สู้ไม่ได้ พอไอ้ทอมมันกลับบ้านตอนค่ำเดินผ่านมาทางวัด ผมปลอมเป็นผีไปหลอกมันจนจับไข้ หลวงลุง...”

หลวงลุงยกมือให้พอ ชักเชื่อว่าเป็นเพรียว แต่ตายิ้มท่าทางไม่ค่อยเชื่อ

“หลวงลุงครับ หลวงลุงพอจะรู้จักพระเกจิอาจารย์ที่ช่วยถอนคำสาปให้ผมได้มั่งมั้ยครับ”

“ข้าไม่เคยรู้จักใครทำเรื่องแบบนี้ได้หรอก แต่ข้ารู้อยู่อย่างนึงว่าคนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ ถ้าเอ็งยอมทำตามที่เทพธิดาท่านบอก ก็คงจะช่วยได้ เพราะถึงไงท่านก็สาปเอ็งไม่ได้ตลอด มันจะเป็นบาปกับตัวท่านมากเหมือนกัน”

“นี่สรุปว่าผมต้องทำตามที่ยัยรัมภาขู่จริงๆเหรอครับ”

“ลองแวะไปหาหมอที่ศรีธัญญาให้ดูอาการมั่งก็ดีนะแม่หนู” ตายิ้มแนะนำ แต่โดนหลวงลุงดุด้วยสายตาจนนิ่งไป

“ผมไม่ได้บ้านะครับหลวงลุง ใครจะกล้ามาโกหกพระครับ” เพรียวยืนยันจริงจัง หลวงลุงถอนใจ ลึกๆก็ไม่เชื่อ

“แล้วนี่พ่อเราเป็นยังไงมั่งล่ะ”

“ยังไม่ได้แวะเข้าบ้านเลยครับ มาถึงก็แวะมาหาหลวงลุงก่อน”

“อ้าว นี่เรายังไม่รู้เหรอ พ่อเราเข้าไปรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ”

พิมมาลาหรือเพรียวสีหน้าตกใจมาก ลืมเรื่องอื่นๆ ไปหมด รีบร้อนกลับเข้ากรุงเทพฯเดี๋ยวนั้นเลย

ooooooo

ถึงโรงพยาบาล เพรียวที่อยู่ในสภาพพิมมาลาต้องโกหกแม่และพี่สาวทั้งสองคนว่าตนเป็นตัวแทนประกันฯ ก่อนทำทีซักถามอาการของเถ้าแก่ชั้นที่นอนหลับสนิทบนเตียงคนไข้ พอได้ยินคำตอบของยุพิน ก็ร้อนใจเป็นห่วงพ่อจนเผลอแสดงออกทั้งน้ำเสียงและท่าทางแบบผู้ชาย

“พ่อเป็นเนื้องอกที่ต่อมลูกหมากค่ะ เป็นมานานแล้ว แต่พ่อแกกลัวผ่าตัด แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆก็เลยต้องยอม นี่ก็เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาได้ไม่ถึงชั่วโมงเลยค่ะ”

“แล้วทำไมไม่บอก” ขึ้นเสียงขึงขังไปแล้วก็รู้สึกตัว จึงปรับเปลี่ยนเป็นอ่อนลง “เอ่อ...ทราบมาว่ามีลูกชายอยู่อีกคนใช่มั้ยคะ แล้วทำไมเขาไม่มาเยี่ยมล่ะคะเนี่ย”

“แม่กลัวเขาเป็นห่วงน่ะจ้ะ ลูกเพรียวเป็นห่วงพ่อเขามากที่สุดเลย แม่เห็นว่างานเขาเยอะ กลัวจะเสียงานเสียการ ก็เลยสั่งไม่ให้ใครบอก”

“ห่วงมาก ปีนึงมาหาซักกี่ครั้งเชียว ถ้าไม่มาไถเงินไม่เคยเห็นหัว” สายพรกระแทกเสียงหมั่นไส้น้องชาย ก็เลยโดนแม่ตวาดเข้าให้

“นี่พร พ่อเจ็บป่วยแกยังจะหาเรื่องน้องอีกนะ เพราะแกคอยว่าแดกดันมันอย่างนี้ เพรียวมันถึงไม่อยากกลับบ้าน”

“ที่ฉันพูดก็เพราะฉันอยากให้เพรียวมันมาหรอกนะแม่ พ่อเขารักมันมาก ถ้าได้เห็นหน้าเพรียว เขาจะได้ดีใจ มีกำลังใจรักษาตัวให้หายเร็วๆไงคะ ไม่รู้จะห้ามทำไม”

เพรียวเหล่มองสายพร อึ้งไปเล็กน้อยที่ได้รู้ความรู้สึกนึกคิดของพี่สาว แล้วเพรียวก็เดินไปจับมือพ่อยกขึ้นมาแนบแก้ม น้ำตาคลอเสียใจที่ไม่ได้ดูแลพ่อให้สมกับความรักที่พ่อมีให้ สามคนแม่ลูกเห็นภาพนั้นก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าคนแปลกหน้า จะห่วงใยและอ่อนไหวได้ขนาดนี้ โดยเฉพาะแม่คิดมากจนระแวง

“แอบไปมีกิ๊กหรือไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนรึเปล่าวะ เดี๋ยวฟื้นขึ้นมาก่อนเถอะมึง ไอ้แก่”

“ใจเย็นๆแม่ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ คุณเขาอาจจะอินมากไปหน่อยเท่านั้นเอง”

เพรียวไม่ได้สนใจแม่และพี่ๆ มัวแต่รู้สึกผิดและบอกพ่ออยู่ในใจว่า “พ่อครับ ผมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้กลับมาเป็นลูกพ่อเหมือนเดิม พ่อห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดนะครับ ผมรักพ่อครับ”

คืนนั้นเพรียวกลับไปจมอยู่กับความเศร้าเรื่อง

พ่อป่วย ระหว่างนี้รัมภาในชุดราตรีหรูหราถือแก้วไวน์แดงก็ปรากฏตัวด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน

“ถ้าคิดได้อย่างงี้ซะตั้งแต่แรกก็สบายไปแล้ว แต่ก็เอาเถอะนะ คิดได้ตอนนี้ก็ยังดีกว่าที่คิดไม่ได้ซะเลย”

“นี่...ที่ผมยอมคุณ ผมไม่ได้แพ้คุณนะรัมภา ผมทำเพื่อพ่อผมตะหาก”

“จ้า...คุณลูกกตัญญู เอาเถอะ จะเพื่ออะไรก็ตาม ถ้านายทำตามที่ฉันบอกได้ นายก็จะได้กลับเป็นผู้ชายทั้งแท่งอีกครั้งอย่างที่นายต้องการ”

เพียงรัมภาดีดนิ้วมือ ก็มีแฟ้มเอกสารปรากฏบนโต๊ะตรงหน้าเพรียว

“นี่คุณปลอมหลักฐานการศึกษาผมเลยเหรอ” เพรียวโวยวายหลังหยิบแฟ้มนั้นมาเปิดดูคร่าวๆ

“ใช่...ฉันให้พิมมาลาจบจากอเมริกา”

“Triston College อยู่ไหน เกิดมาผมไม่เคยได้ยินชื่อ”

“ก็เป็นคอลเลจเล็กๆในอเมริกา ถ้าทางเซนซูยาเช็กทางเน็ตก็จะเจอชื่อนางสาวพิมมาลา เชิงไกรลาส อยู่ในรายชื่อนักเรียนจบเมื่อไม่กี่ปีก่อน เอาเถอะน่ะ ถ้าหนูน้ำนวลรับซะอย่าง ฝ่ายบุคคลไม่เช็กอะไรมากมายหรอก”

“นี่อะไรอีกล่ะ” เพรียวจิ้มไปที่จดหมายในแฟ้ม

“จดหมายลาออกของนายเพรียว ลาออกไปทำงานต่างประเทศ ทุกอย่างลงตัวเพอร์เฟกต์”

“มิจฉาชีพชัดๆ” เพรียวแค้น จะเดินไป แต่โดนรัมภาดึงปกเสื้อไว้ สั่งให้ตามตนมาเดี๋ยวนี้

เพรียวหรือพิมมาลาจำใจเดินตามรัมภาไปในห้องนอน แล้วไปยืนเกาก้น สีหน้าเบื่อหน่าย รัมภาหันมาเห็นจึงตีมือเขาไปที

“เป็นผู้หญิงมายืนเกาก้นได้ยังไง น่าเกลียด”

จากนั้นรัมภาเปิดตู้เสื้อผ้าของเพรียวแล้วเสกให้เสื้อผ้าเหล่านั้นกลายเป็นของผู้หญิงทั้งหมด แถมมีชุดชั้นในเพิ่มให้อีกด้วย

“เฮ้ย สูทอาร์มานี่ของฉัน” เพรียวตกใจ...แล้วกลายเป็นแค้นใจ หยิบยกทรงขึ้นมา “นี่คุณจะให้ผมใส่ไอ้นี่ด้วยเหรอ”

“ตายแล้ว อย่าบอกนะว่านี่นายไม่ได้ใส่”

พิมมาลาส่ายหน้า รัมภาถึงกับกุมหัว บ่นจะบ้าตาย... พิมมาลาขบกรามแน่นด้วยความแค้น แต่ก็ต้องทนเพื่อพ่อ

“มีอะไรอีกมั้ย ผมจะรีบนอน พรุ่งนี้จะได้ไปสมัครงานแต่เช้า”

“มี...ฉันล่ะเบื่อไอ้ท่าทางกระโดกกระเดกของนายเต็มทนแล้ว มันบั่นทอนความสวยสิ้นดี” พูดขาดคำ รัมภาสาดแก้วไวน์ใส่พิมมาลาทันที ฝ่ายนั้นตกใจร้องเฮ้ย แต่ฉับพลันก็อึ้งเพราะไวน์แดงกลายเป็นแสงระยิบระยับคลุมตัว ก่อนจะจางหายไป

“จากนี้ไปเธอจะเป็นสุภาพสตรีสมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว”

เพรียวเป็นพิมมาลาโดยสมบูรณ์แล้วจริงๆ ทั้งกิริยาท่าทางและน้ำเสียง

“รีบนอนล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปสมัครงาน นอน น้อยเดี๋ยวทาแป้งไม่ติดหน้านะตัว อ้อ แล้วอย่าลืมใส่ส้นสูงไปด้วยล่ะ” รัมภาหัวเราะชอบใจเดินออกจากห้องไป

เพรียวเจ็บใจมากได้แต่ค้อนใส่แบบผู้หญิง แล้วเดินสะบัดสะบิ้งก้นบิดเข้าห้องน้ำ เป็นสาวสมบูรณ์แบบตามเวทมนตร์ ของรัมภา

ooooooo

เช้าขึ้น พิมมาลาเยื้องย่างเข้าไปที่ห้างเซนซูยาในชุดสาวทำงาน เธอสวยสง่าดึงดูดความสนใจจากบรรดาพนักงานจำนวนไม่น้อย ดลเพิ่งมาถึง พอเห็นเธอก็เบรกกึกรีบหลบวูบด้วยความตกใจปนกลัว

“อีสวยประหารนี่หว่า มาทำอะไรที่นี่วะ”

ดลยังเข็ดขยาดเพราะเคยโดนพิมมาลาตีเข่าเข้ากล่องดวงใจจนต้องหยุดงาน เขาแอบมองตามเธอไปด้วยความสงสัย...ขณะนั้นที่หน้าลิฟต์ ทศกรกำลังออดอ้อนจีบดารณี

“วันนี้ออกไปพบลูกค้า อย่ามัวแต่คุยเพลินนะ คิดถึงพี่ทศบ้างล่ะ”

“ให้คิดอย่างงี้ได้ทุกวันเถอะค่ะ ไม่ใช่พอเบื่อดาก็ทำกับดาเหมือนเป็นของเหลือใช้ ไม่มีค่าอีกคน”

“อย่าเอาพี่ไปเทียบกับคนเลวๆอย่างไอ้เพรียวมันสิจ๊ะ เราสองคนผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งหลายอย่างกว่าจะเข้าใจกันได้ น้องดายังไม่เชื่อในความรักของพี่อีกเหรอจ๊ะ”

พอทั้งคู่ก้าวเข้าในลิฟต์ ทศกรก็ฉวยโอกาสโอบเอวดารณีมาแนบกระชับตน แต่ไม่ทันลิฟต์จะปิดสนิท พิมมาลาก็วิ่งพรวดมาทันพอดี ทศกรเห็นสาวสวยถึงกับตะลึงตาเบิกกว้างอย่างเก็บอาการเจ้าชู้ไม่อยู่ แต่พิมมาลาอึ้งตะลึงกว่า สายตาโกรธออกแนวหึงหวง จ้องเขม็งไปที่ทั้งคู่โอบเอวกัน

“เชิญเลยครับ” ทศกรยิ้มมีไมตรี พิมมาลาก้าวเข้ามายืนตรงกลางหน้าตาเฉย พลางก็คิดในใจอย่างเคืองๆดารณี

“วันก่อนยังจะฆ่าตัวตายเพราะอกหักจากฉันอยู่เลย ไม่ทันไรโผไปซบไอ้หมูตอนนี่แล้วเหรอ สามวันนารีเป็นอื่นแท้ๆ”

ความสวยขาดบาดใจของพิมมาลาทำเอาทศกรแทบลืมดารณี แอบมองเธอตลอดเวลา ยิ่งพอรู้ว่าเธอมาสมัครงานที่ฝ่ายการตลาดและโฆษณาของตน ทศกรก็ยิ่งดี๊ด๊าเข้าร่วมพิจารณากับน้ำนวลด้วย แต่นางที่เกลียดผู้หญิงสวยทุกคนแอบเหล่พิมมาลาและคิดอิจฉาอยู่ในใจ

“จะสวยไปไหนยะ ฉันยอมให้คุณน้ำคนเดียว เพราะเธอเป็นหลานเจ้าของ ส่วนหล่อนอย่าหวังจะได้งานเลย”

พิมมาลาหรือเพรียวดีใจที่ได้กลับมาที่นี่ เธอส่งยิ้มเป็นมิตรให้นาง แต่นางกลับทำตาแข็งใส่ ไม่ยิ้มด้วย

“งานของคุณพิมมาลานี่ดูเรียบแต่มีเสน่ห์เหมือนงานของพี่...ผู้จัดการคนก่อนเลยนะคะ” น้ำนวลชื่นชมหลังตรวจดูงานในแฟ้มอย่างละเอียด

“เหรอคะ บังเอิญจังเลยนะคะ”

“พี่ทศคิดว่ายังไงคะ” น้ำนวลถามออกไป แต่ทศกร มัวแต่มองพิมมาลาตาหวานเยิ้ม เลยตอบไปคนละเรื่อง

“สวยไม่บันยะบันยังเลยครับ”

นางหมั่นไส้กระแอมเตือน ทศกรจึงรู้สึกตัว รีบปรับสีหน้า “เอ่อ...พี่ว่าไม่น่ามีปัญหานะครับ เคยทำงานที่อเมริกามาก่อน มีทั้งฝีมือทั้งประสบการณ์แบบเนี้ย ทำงานกับเราได้สบายมากครับ”

“แต่นางว่านั่นแหละค่ะปัญหา เคยทำงานระบบฝรั่งเงินเดือนสูงๆ จะทนการทำงานแบบคนไทยรายได้พอเพียงไหวเหรอคะ”

“คุณพ่อดิฉันไม่ค่อยสบาย ดิฉันอยากดูแลท่าน ก็เลยย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยค่ะ จะเจออะไรก็ต้องทน ปรับตัวให้ได้ค่ะ”

น้ำนวลยิ้มชื่นชมพิมมาลา ส่วนทศกรถึงกับออกปากว่าคนกตัญญูรู้คุณอย่างนี้ต้องสนับสนุน แต่สำหรับนางยังไงก็ไม่ยอมแพ้

“แต่งานที่นี่หนักนะ เป็นผู้หญิงจะไหวเหรอ”

“แล้วเธอไม่ใช่ผู้หญิงรึไง” ทศกรชักหมั่นไส้นาง...แล้วสองคนก็แยกเขี้ยวใส่กัน น้ำนวลกลัวเกิดเรื่องจึงรีบตัดบท

“เอาเป็นว่าดิฉันตกลงรับคุณค่ะ คุณพร้อมจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่คะ”

“วันนี้เลยก็ได้ค่ะ”

ทศกรยิ้มปลื้มดีใจจนออกนอกหน้า ขณะที่นางมีอาการไม่พอใจมาก น้ำนวลยิ้มแย้มลุกขึ้นเช็กแฮนด์กับพิมมาลา แต่แล้วก็งงๆที่พิมมาลาจับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อย แถมยังมองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แม้จะอยู่ในร่างผู้หญิงแต่นิสัยเจ้าชู้ของเพรียวก็แก้ไม่หาย

พอออกจากห้องเดินคุยกันมาสองคน พิมมาลาก็ยังกรุ้มกริ่มใส่น้ำนวลไม่เลิก ดีใจที่น้ำนวลบอกจะเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่

“ฝ่ายคุณน้ำนี่ดีจังเลยนะคะ มีธรรมเนียมเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่ด้วย ใครเป็นคนคิดขึ้นคะเนี่ย”

“ผู้จัดการคนก่อนน่ะค่ะ น้ำว่าเป็นธรรมเนียมที่ดีนะคะ เราจะได้พูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้นก่อนจะได้ร่วมงานกันจริงๆ”

“จริงค่ะ ผู้จัดการฝ่ายคนก่อนนี่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริงๆนะคะ” ชมตัวเองแล้วก็ยิ้มปลื้มไปมา ก่อนดึงตัวน้ำนวลมากอดเมื่อเธอบอกลา น้ำนวลชะงักเล็กน้อย คิดว่าเจ้าหล่อนคงติดนิสัยฝรั่งมา ก็เลยไม่พูดอะไร

“ตัวฮ้อมหอม เป็นผู้หญิงมาตั้งหลายวันเพิ่งจะเห็นข้อดีก็วันนี้ล่ะวะ” เพรียวแอบคิดในใจ

“งั้นน้ำไปทำงานก่อนนะคะพี่พิม”

พิมมาลายกมือบ๊ายบายน้ำนวลแล้วจะเดินไปอีกทาง พลันสายตาเหลือบไปเห็นดลเข้า ความแค้นที่เคยจะโดนดลปล้ำทำให้พิมมาลาพุ่งปราดไปหา ดลรู้ตัวรีบวิ่งหนีเพราะกลัวจะโดนเจ้าหล่อนซ้อมเอาอีก

ทั้งคู่วิ่งไล่กวดกันมาตามทางในออฟฟิศ พิมมาลารีบร้อนจนไม่ทันมองทางจึงชนเข้ากับแวนที่เดินเล่นไอโฟนสวนมา แรงกระแทกทำให้พิมมาลาเซจะล้ม โชคดีที่แวนคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน

พอตั้งหลักได้ พิมมาลามองแวนแล้วคิดในใจ “อึ้งไปเลย ปิ๊งในความสวยของฉันอีกคนล่ะสิ อย่างว่าแหละ ขนาดฉันเห็นตัวเองในกระจกยังหลงรักตัวเองเล้ย”

ผิดคาด...แวนไม่ได้สนใจสาวสวย กลับห่วงไอโฟนของตัวเองที่หล่นลงพื้น ดีที่มันไม่พังเสียหาย พิมมาลาเจ็บใจเป็นบ้า มองตามแวนที่บอกลาแล้วเดินเล่นไอโฟนต่อไปหน้าตาเฉย...

สายวันเดียวกันนี้ที่สปาเสริมความงาม มานิดากับเมลานีพากันมาทำสปาแก้เซ็ง แต่ยังไม่ถึงคิว สองแม่ลูกก็เลยนั่งคุยกันฆ่าเวลา

“แม่ล่ะมู้ดดี้กับคุณพ่อนักเชียว ไม่รู้ตัวเองเป็นประธานบริษัทหรือว่ายัยฟ้างามเป็นกันแน่ ถึงได้กลัวน้องสาวหงอขนาดนี้”

“ต่อไปอางามต้องดันยัยน้ำขึ้นมาแทนที่ตัวเองแน่ๆ แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดีคะคุณแม่”

“ก็เพราะพ่อเรานั่นแหละ ทำตัวเป็นเพลย์บอยลอยไปลอยมาดีนัก งานการไม่เคยทำ ยืมจมูกนังฟ้างามหายใจตลอด แล้วเป็นไงล่ะ มันกุมอำนาจไว้หมด”

เมลานีนิ่งคิดนิดหนึ่งก่อนแย้มขึ้นมา “ที่จริงเมก็พอ

มีแผนแก้เผ็ดพวกมันอยู่นะคะแม่”

No comments:

Post a Comment