Monday, July 4, 2011

พิมมาลา ตอนที่ 1

“รู้จักให้...ในสิ่งที่คนอื่นอยากได้” คือคติประจำใจของ “เพรียว” ชายหนุ่มเชื้อสายจีน หน้าตาดี เชื่อมั่นในตัวเองและทำงานเก่ง เพรียวมีความสามารถเรื่องการดูจิตใจของคนอื่น รู้ในสิ่งที่คนอื่นต้องการ และเมื่อเขาให้ในสิ่งที่คนอื่นต้องการ เขาก็จะได้รับในสิ่งที่เขาอยากได้กลับคืนมาเสมอ
เพรียวเป็นคนจังหวัดอุทัยธานี ครอบครัวเป็นคนไทยเชื้อสายจีน พ่อแม่เปิดกิจการผ้าทอ ซึ่งพ่อแม่ของเพรียวก็เหมือนครอบครัวคนจีนทั่วไปที่ลูกชายสำคัญกว่าลูกสาว แม้ว่าพี่สาวทั้งสองคนคือ สายพรกับยุพิน จะเป็นคนดูแลกิจการทอผ้าของครอบครัวเป็นหลัก แต่พ่อแม่ไม่เคยเห็นความสำคัญ เอาแต่คุยฟุ้งทั่วบ้านทั่วเมืองว่าเพรียวเป็นลูกชายที่แสนกตัญญู
เมื่อเรียนจบเพรียวได้ทำงานที่ห้างเซนซูยา เขาชอบห้างนี้มากตั้งแต่สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย จึงตั้งใจว่าจะมาทำงานที่นี่ และนับเป็นโชคดีที่เขาได้รู้จักทศกรซึ่งเป็นญาติห่างๆของเจ้าของห้างนี้ จนได้มาฝึกงานและบรรจุเข้าทำงานสมใจในเวลาต่อมา
ห้างเซนซูยาเป็นของตระกูลศรสุริยะศักดิ์ แม้เป็นห้างที่ไม่ใหญ่นัก แต่เพราะฝีมือบริหารที่ดีทำให้รอดจากการที่ต้องถูกห้างใหญ่ๆแย่งชิงตลาดไปได้ เพรียวเป็นคนทำงานเก่ง จึงเป็นที่ชื่นชอบของฟ้างาม น้องสาวของศรสิทธิ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเซนซูยา
ที่ห้างแห่งนี้ เพรียวมีเพื่อนร่วมงานคือ ดล ชายหนุ่มหน้าตี๋ กับนาง หญิงสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นติสต์ นางเกลียดผู้หญิงสวยทุกคนที่มาทำงานด้วย และจะแกล้งทุกคนที่เห็นเป็นผู้หญิงสวย ซึ่งเพรียวก็ไม่สนใจ เพราะเรื่องงานถือว่านางเป็นคนที่ทำงานเก่งคนหนึ่ง
ฟ้างามตั้งใจให้น้ำนวลซึ่งเป็นหลานสาวมาฝึกงานที่เซนซูยาโดยให้เพรียวดูแล น้ำนวลเป็นลูกสาวของจริยาพี่สาวฟ้างาม น้ำนวลมีพี่ชายคือนันท์ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษ น้ำนวลจึงไม่สนิทกับพี่ชายนัก ด้วยนิสัยเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เธอจึงแทบไม่มีเพื่อนเลย ตั้งแต่เด็กเธอมักจะฝันถึงสาวสวยแสนงามคนหนึ่ง จนรู้สึกคุ้นเคยกับหญิงสาวเป็นอย่างดี เธอถามผู้หญิงคนนั้นว่าชื่ออะไร หญิงสาวตอบว่าชื่อรัมภา เธอจึงจำภาพรัมภาได้ชัดเจน และคิดว่ารัมภาเป็นนางฟ้า
ooooooo
วันแรกที่ฟ้างามพาน้ำนวลมาฝึกงาน เพรียวรับปากรับคำด้วยความเต็มใจทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าค่าตาน้ำนวล รู้แต่ว่าเธอเป็นหลานสาวของฟ้างาม
“เพรียวไม่ต้องห่วงเลยนะ หนูน้ำเป็นเด็กน่ารัก ว่าง่าย สอนไม่ยากหรอก...เด็กดีๆอย่างนี้พ่อยังใจร้ายได้ลงคอ ไม่เคยเหลียวแลเลย” ท้ายประโยคฟ้างามพูดเหมือนรำพึง
เพรียวได้ยิน คิดปราด “ทั้งรักทั้งสงสารอย่างนี้ก็ขึ้นแท่นหลานรักน่ะสิ” คิดดังนั้นจึงปั้นยิ้มประจบทันที “แต่มีคุณน้าอย่างคุณฟ้างามก็ถือว่าเป็นโชคดีที่สุดแล้วล่ะครับ”
“ยังไงเพรียวก็อย่าดุแกมากนักนะ สงสารน้อง”
“ผมเป็นคนใจเย็น ผมจะสอนงานคุณน้ำชนิดไม่อมภูมิเลย รู้เท่าไหร่สอนให้หมดไส้หมดพุงเลยครับ”
“ขอบใจมากจ้ะเพรียว”
“คุณฟ้างามไม่ต้องเกรงใจนะครับ อยากให้ผมทำอะไรก็บอกได้เลย...ให้ในสิ่งที่คนอื่นอยากได้ คือคติประจำใจผมอยู่แล้ว”
ฟ้างามขำเบาๆให้เพรียว ชอบในความขี้เล่นมีอารมณ์ขัน
“แล้วนี่คุณน้ำจะเริ่มมาฝึกงานเมื่อไหร่ล่ะครับ”
“วันนี้เลยจ้ะ เดี๋ยวก็มา ไปห้องน้ำ”
เสียงเคาะประตูดังสองสามครั้งก่อนเปิดเข้ามา เป็นเลขาฯของฟ้างามนั่นเอง
“ให้คุณน้ำนวลเข้ามาเลยมั้ยคะ”
“เข้ามาได้เลยจ้ะ”
เพรียวลุ้นในใจ ขอให้สวยกิ๊ง...แต่พอเลขาฯเปิดประตูกว้างให้น้ำนวลเข้ามา เพรียวผิดหวังอย่างแรง เพราะน้ำนวลในชุดนักศึกษาแบบถูกระเบียบเป๊ะ เสื้อผ้าหน้าผมเรียบร้อยเฉียดเชย แทบไม่มีส่วนไหนสะดุดตาตรงสเปกเพรียวเอาเสียเลย
“น้ำจ๊ะ นี่พี่เพรียวจะเป็นเทรนเนอร์ให้เรา”
“สวัสดีครับคุณน้ำ” เพรียวจำใจยิ้มทักทาย
น้ำนวลเห็นเพรียวครั้งแรกก็ชะงัก หล่อโดนใจ เธอยิ้มกว้างโยกมือไหว้เพรียวอย่างเขินๆเล็กน้อย เพรียวฝืนยิ้มรับไหว้ ยิ่งพิจารณาก็ยิ่งเห็นน้ำนวลเป็นพวกคุณหนูจืดๆ ขาดความมั่นใจ
ooooooo
แผนกศิลป์โฆษณา เป็นส่วนงานที่น้ำนวลต้องมาฝึกงาน นางเปิดดูสมุดผลงานออกแบบสื่อโฆษณาของน้ำนวลด้วยท่าทางตื่นเต้น พูดจาประจบประแจงโจ่งแจ้ง เช่นเดียวกับดลก็สอพลอเต็มพิกัด สองคนเลยโดนเพรียวแขวะ ระวังลิ้นจะพันกัน
ดลกับนางชะงัก เหล่ลูกพี่เล็กน้อย เพรียวไม่สน เดินเข้ามาถามน้ำนวลว่าเย็นนี้ว่างหรือเปล่า?
น้ำนวลเขินปนประหม่า พูดโดยไม่กล้าสู้ตา “ทำไมเหรอคะพี่เพรียว”
“แผนกเรามีธรรมเนียมเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะครับ ผมเลยอยากชวนคุณน้ำไปทานเลี้ยงด้วยกัน”
“น้ำต้องขออนุญาตน้างามก่อนค่ะ”
ไม่ทันที่น้ำนวลจะไปไหน มานิดากับเมลานีก็เดินฉับๆเข้ามาในแผนก เมลานีสวมชุดนักศึกษาแบบสาวเปรี้ยว อายุแก่กว่าน้ำนวลนิดหน่อย แต่ยังเรียนไม่จบ
“สวัสดีครับคุณมานิดา” เพรียวไหว้มานิดา แต่ส่งยิ้มหล่อๆเลยไปให้เมลานี
มานิดาไม่รับไหว้เพรียว ขยับไปปั้นยิ้มให้น้ำนวลราวกับเอ็นดูเต็มประดา
“ไงจ๊ะหนูน้ำ ได้ข่าวว่าวันนี้เริ่มฝึกงานวันแรก ป้าเป็นห่วงก็เลยแวะมาดูน่ะจ้ะ”
“ทำไมเลือกมาฝึกงานแผนกเล็กๆ กิ๊กก๊อกยังงี้ล่ะน้ำ”นางกับดลหน้าตึงทันที ไม่พอใจถ้อยคำดูถูกของเมลานี แต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับเครือญาติเจ้าของบริษัท
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะเม” น้ำนวลติงลูกพี่ลูกน้อง เพรียวเกรงจะบานปลายเพราะรู้นิสัยเมลานีดีว่าขี้วีนแค่ไหน จึงแทรกขึ้นเสียก่อนที่เมลานีจะโต้อะไร
“แผนกของเรากำลังอยู่ในช่วงขยายงานน่ะครับ ตอนนี้ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ก็เลยมีพนักงานไม่มาก”
เมลานียักไหล่ไม่แคร์ หันไปพูดกับน้ำนวล “ตอนแรก ฉันนึกว่าอางามจะให้เธอฝึกงานแผนกที่มันเข้าท่ากว่านี้ซะอีก แต่ก็เอาเถอะ เปิ่นๆ โก๊ะๆอย่างเธอ ขืนไปอยู่แผนกใหญ่ๆ เดี๋ยวได้ไปทำงานเขาพังหมด”
“พูดอะไรอย่างงั้นจ๊ะน้องเม หนูน้ำเขาเรียนพวกขีดๆ เขียนๆมา ก็ต้องทำงานแผนกศิลป์แบบนี้ล่ะถูกต้องแล้ว จะให้มาทำงานนั่งโต๊ะเป็นผู้บริหารแบบหนูได้ยังไงล่ะจ๊ะ...ป้าไปก่อนนะจ๊ะ ตั้งใจเรียนรู้งานล่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณป้า” น้ำนวลยกมือไหว้ หน้าจ๋อยๆ
มานิดากับเมลานีเดินเชิดกลับออกไปพร้อมแอบหันมายิ้มให้กันอย่างดูถูกน้ำนวล นางกับดลเหล่มองตาม ไม่ชอบขี้หน้าสองแม่ลูก
“อย่าคิดมากนะครับคุณน้ำ ยิ่งคนอื่นดูถูก เราก็ยิ่งต้อง พิสูจน์ตัวเอง ลบคำสบประมาทให้ได้นะครับ”
“ค่ะพี่เพรียว” น้ำนวลยิ้มปลื้มสุดๆ ที่เพรียวให้กำลังใจตน
ooooooo
หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งตอนหัวค่ำ เพรียวยืนรอน้ำนวลที่ไปห้องน้ำ รอไปรอมาเพรียวรู้สึกเหมือนมีคนจ้องตนอยู่ด้านหลัง พอหันไปดูก็ต้องตะลึงตาค้าง เมื่อเห็นรัมภาชุดเสื้อกระโปรงสั้นสีสด เผยให้เห็นเรียวขาขาวผ่อง ทั้งสวย สง่า และเซ็กซี่บาดใจ
เพรียวอึ้งมอง คิดในใจว่า “ของนอกซะด้วยโว้ย”
“ฉันพูดไทยได้นะคะ”
ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อย สงสัยว่าเธอรู้ใจตนได้ยังไง ปั้นยิ้มหล่อถามเธอว่า “มาเที่ยวเหรอครับ”
“กำลังจะกลับค่ะ ข้างบนโน้นไม่ชอบให้ฉันเถลไถล แต่ลงมาข้างล่างก็เพลิดเพลินดีค่ะ”
ไม่เข้าใจคำตอบของเธอนัก แต่ก็ปั้นยิ้มต่อไป “คุณทำงานอยู่โรงแรมนี้เหรอครับ”
“ไว้เจอกันใหม่นะคะ” เธอตัดบทเดินหนีดื้อๆ เพรียวกลัวไม่ได้เจออีก ร้องเรียกพลางถามชื่อ แต่เธอไม่เหลียวกลับมา ขณะนั้นเองน้ำนวลเดินออกมาจากห้องน้ำ ถามเพรียวว่ารอนานหรือเปล่า
“ไม่หรอกครับ”
“คนอื่นๆล่ะคะ”
“ไปรอข้างในแล้วครับ...ไปครับ”
น้ำนวลเดินยิ้มปลื้มๆคู่ไปกับเพรียวที่ยังเหลียวมองหาสาวสวยนางนั้น แต่ก็ไร้วี่แวว แปลกใจที่เธอหายตัวไปรวดเร็วเหลือเกิน
เข้ามาในร้านอาหารกึ่งผับ ทุกคนสนุกเต็มที่ น้ำนวลนั่งยิ้มมองคนโน้นคนนี้ บางเวลาก็ฮัมเพลงตามนักร้องอย่างเพลิดเพลินจนเพรียวได้ยิน โปรยยาหอมว่า
“เสียงคุณน้ำเพราะจังเลย เคยขึ้นเวทีประกวดกับเขามั้ยครับ”
“ไม่เคยหรอกค่ะ น้ำชอบร้องเล่นๆ ไม่กล้าขึ้นเวทีหรอกค่ะ”
“งั้นศุกร์หน้าเราไปคาราโอเกะกัน คุณน้ำทำตัวให้ว่างไว้นะครับ”
“น้ำจะพยายามทำตัวให้ว่างค่ะ”
“ดีครับ” แล้วเพรียวก็หันไปสั่งอาหารต่อ โดยที่น้ำนวลยังแอบชำเลืองมองเขาอย่างเป็นปลื้ม

ที่มา ไทยรัฐ

No comments:

Post a Comment