Monday, July 4, 2011

เพลิงทระนง ตอนที่ 3

ที่บริษัทของน้ำฝน โปรดิวเซอร์และทีมงานต่างหน้าเสียเมื่อเห็นเทปบันทึกรายการที่ตลาดระนองเสียหายเพราะเหตุวุ่นวายกันในตลาดวันนั้น

น้ำฝนเดินเข้ามาดู ถามว่ามีอะไรหรือ เอาเทปไปดูถามอีกว่าเทปที่ระนองใช่ไหม

“เราคงต้องไปถ่ายที่ตลาดใหม่แล้วล่ะค่ะ” โปรดิวเซอร์เสียงอ่อยๆ น้ำฝนแหวใส่ว่ายัยหมวยลูกเจ้าของตลาดจะยอมหรือ “ถ้างั้น หนูจะหาตลาดใหม่ให้นะคะ รับรองคราวนี้ไม่มีพลาด”

น้ำฝนส่ายหน้าเอือมๆ แล้วเดินไปด้านใน โปรดิวเซอร์กับทีมงานยืนจ๋อยไปตามกัน

ooooooo

หลินช่วยงานศพของพิภัชเต็มที่ด้วยความเต็มใจ ทั้งยังบอกเพลิงว่าให้ไปดูแลผ่องเสียทางนี้ตนจะช่วยดูแลให้เอง แล้วเลียบเคียงถามว่า

“เห็นป้าผ่องเล่าให้ป๊าฟังว่า จริงๆแล้วญาติอาภัชที่ป่วยอยู่กรุงเทพฯก็คือแม่อาภัชเองเหรอ” พอเพลิงพยักหน้า หลินตาเป็นประกายดีใจที่เพลิงเป็นลูกหลานไฮโซจริงๆ

“พ่อพี่ตายแล้ว ตอนนี้ก็เท่ากับพี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาแล้ว ตอนนี้ก็ต่างคนต่างอยู่” เพลิงเอ่ย

ขณะนั้นเอง นิรุตกับชนนท์เข้ามาในงาน หลินเขม้นมองเพราะไม่เคยเห็น คิดว่าคงเป็นพวกมาแอบกินข้าวต้มฟรีแน่ๆ จะลุกไปเอาเรื่อง เพลิงจำนิรุตกับชนนท์ได้รีบห้าม แล้วลุกไปทักทายทั้งสองงงๆ ว่ามาทำอะไร

เมื่อนิรุตกับชนนท์ไปสวัสดีทักทายผ่องซึ่งรู้จักกันมาก่อน ผ่องขอบคุณที่นิรุตอุตส่าห์พาหลานมาไหว้ศพพิภัช นิรุตพูดอย่างละอายใจว่าไม่ต้องขอบคุณ อย่างไรเสียพิภัชก็เป็นพี่ชาย ตนคงเป็นน้องชายที่แย่มากถ้าไม่ได้มาลาพี่ชาย

“นอกจากจะมาไหว้ศพลุงพิภัชแล้ว เราสองคนก็มีเรื่องสำคัญอยากจะมาคุยกับพี่เพลิงด้วย” ชนนท์เอ่ย ครั้นเพลิงถามว่าเรื่องอะไร นิรุตเห็นพระเดินมาพอดีบอกว่าเดี๋ยวเราค่อยหาโอกาสคุยกัน

หลังฟังพระสวดเสร็จ งานเลิกแล้ว ทั้งสี่จึงมานั่งคุยกันอีกครั้ง นิรุตกับชนนท์จึงบอกว่าอยากให้เพลิงไปอยู่กรุงเทพฯ อยู่ด้วยกันที่ปางพญา เพราะไหนๆพิภัชก็เสียไปแล้ว

ผ่องขอบคุณที่เป็นห่วงแต่ตนทั้งสองอยู่ที่นี่ก็สบายดีแล้ว และที่สำคัญไม่อยากให้คุณหญิงไม่สบายใจเพราะท่านคงยังไม่ลืมวันที่ตนกับพิภัชตัดสินใจเดินออกมาจากที่นั่น

“แต่ผมว่าถ้าคุณย่าได้เจอพี่เพลิง คุณย่าจะต้องใจอ่อนแน่ๆครับ อีกอย่างหัวใจของลุงพิภัชในตัวคุณย่า คงเรียกร้องให้คุณย่ารักและเอ็นดูพี่เพลิง” ชนนท์พยายามหว่านล้อม

เมื่อเพลิงขออยู่กับแม่ที่ทะเลที่พ่อรัก นิรุตให้เวลาคิดตัดสินใจอีกทีเพราะตนกับชนนท์ยังจะอยู่จนเสร็จงานพี่ชาย

“ผมเชื่อนะ ว่าถ้าลุงพิภัชมองลงมาจากสวรรค์ คงต้องอยากให้พี่เพลิงกลับไปช่วยดูแลคุณย่าแทนตัวท่านแน่ๆ” ชนนท์พูดทิ้งไว้ให้คิด

หลินแอบฟังอย่างอยากรู้อยากเห็น พอจับความได้ก็พึมพำอย่างตกใจว่า

“พี่เพลิงจะไปอยู่กรุงเทพฯเหรอ!?”

ooooooo

กลับถึงบ้านพัก ผ่องเข้าไปในห้องนอนด้วยใจหดสู่เศร้าสร้อยที่ห้องนี้ไม่มีพิภัชอีกแล้ว เพลิงสงสารแม่ หอบที่นอนเข้ามาบอกแม่ว่า “แม่ยังมีผม
นะครับ คืนนี้ผมขอนอนกอดแม่นะ”

ผ่องเอามือลูบหัวเพลิงอย่างรักใคร่ ถามว่าคิดอย่างไรเรื่องอานิรุตชวนไปอยู่ที่ปางพญา เพลิงยืนยันคำเดิมว่าถ้าแม่ไม่สบายใจที่จะกลับไป เราก็จะอยู่กันที่นี่ ตนไม่อยากให้แม่ลำบากใจ เพราะเชื่อว่ายังไงคุณย่าก็ไม่ยอมรับแม่ง่ายๆอยู่แล้ว

“แล้วเพลิงไม่คิดจะพิสูจน์ตัวเองแทนพ่อกับแม่เหรอ” ผ่องถาม เพลิงลุกนั่งมองหน้าแม่อย่างไม่เข้าใจ ผ่องชี้แจงว่า “หัวใจของพ่อช่วยต่อชีวิตย่าแล้วก็จริง แต่เราก็สัญญากับเขาไว้แล้วว่าย่าจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ซึ่งมันก็เท่ากับว่าย่าไม่รับรู้ความดีของพ่อเลย แม่ว่าบางทีพ่อคงอยากให้เราไปทดแทนบุญคุณและชดใช้ความผิดที่ผ่านมาแทนท่าน แต่ทั้งหมดนี้ก็แค่ความคิดของแม่นะ เพลิงเท่านั้นที่ต้องเป็นคนตัดสินใจ”

เช้าวันรุ่งขึ้น เพลิงไปนั่งมองทะเลคิดถึงคำพูดของแม่เมื่อคืน หลินเข้ามาทักว่าหาคำตอบให้สองพ่อลูกนั่นหรือ เพลิงเอะใจถามว่าหลินรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ

หลินไม่ตอบคำถาม แต่ขอร้องเพลิงอย่าทิ้งที่นี่ไปเลย เพลิงบอกว่าตนก็ไม่ได้บอกว่าจะไปจากที่นี่ เพราะ “พี่ไม่ปล่อยให้แม่อยู่ที่นี่คนเดียวหรอก แม่อยู่ที่นี่กับพ่อมานาน คงไม่อยากจากไปไหนง่ายๆ”

“หลินก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ถ้าไม่มีพี่เพลิง”

เพลิงจับหัวหลินโยกถามหยอกว่าไปจำละครเรื่องไหนมา หลินบอกว่าตนพูดจากใจ และเมื่อเพลิงจะไปทำงาน ถามหลินว่าจะกลับตลาดหรือเปล่า เดี๋ยวจะไปส่ง

หลินดีใจมาก ขอให้เขาขี่วนตลาดสักสี่ห้ารอบด้วย อยากให้พวกแม่ค้าอิจฉาเล่น ฟ้องว่า

“ตอนพี่เพลิงไม่อยู่ มันพากันเยาะเย้ยหลินว่าถูกพี่เพลิงทิ้งมั่ง โดนใครแย่งไปแล้วมั่ง วันนี้หลินจะกลับไปสมน้ำหน้าให้หายแค้นเลย”

เพลิงหัวเราะขำความล้นของหลิน แล้วพากันไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของเพลิงที่จอดอยู่ด้านบน

ooooooo

ปรากฏว่าโปรดิวเซอร์ของบริษัทน้ำฝนหาตลาดใหม่ไม่ได้ จึงต้องพากันมาถ่ายทำที่ตลาดระนองตามเดิม โปรดิวเซอร์อาสาจะไปคุยกับลูกสาวเจ้าของตลาดเองดูว่าจะยอมสงบศึกกับเรารึเปล่า

หลินซ้อนมอเตอร์ไซค์เพลิงมาเห็นเข้าพอดี กระโดดผลุงเดินอาดๆเข้าไปถามว่า มาที่นี่อีกทำไม เพลิงตามไปบอกหลินให้พูดดีๆกัน น้ำฝนที่ตั้งท่าจะปะฉะดะกับหลินเลยจำต้องลดดีกรีลงพูดดีๆกับหลิน ชี้แจงถึงความจำเป็นต้องกลับมาถ่ายทำที่นี่อีก สำหรับเรื่องวันนั้นขอได้ไหม หรือจะคิดค่าถ่ายทำก็ได้

“อีกแล้ว...เอาเงินฟาดหัวคนอีกแล้ว” หลินเสียงดังขึ้นมา

เพลิงต้องเข้ามาหย่าศึกขอร้องหลินว่า คนเรามีวิธีแก้ปัญหาต่างกัน อย่าไปถือสาเลย

สุดท้ายเพลิงขอหลินว่าปล่อยเขาเถอะ ถือเสียว่าเป็นการโปรโมตตลาดเราไปด้วย หลินจึงยอม แต่ไม่วายพูดว่า “เห็นแก่พี่เพลิง” เรื่องนี้ทำให้น้ำฝนรู้สึกดีกับเพลิงขึ้นมาก

แต่เรื่องนี้กลับถูกพวกแม่ค้าในตลาดวิพากษ์วิจารณ์ว่าเพราะเพลิงมีใจให้น้ำฝนถึงได้ช่วยขอร้องให้ บางคนก็เย้ยว่า ถ้าตนเป็นเพลิงก็จะเลือกคนสวยใสไฮโซนั่นดีกว่าลูกเจ้าของตลาดบ้านนอกอย่างหลิน

“พี่เพลิงกับแม่นี่น่ะเหรอ จะมีไมตรีอะไรกันอย่างที่นังแมวมันว่า ไม่มีทาง! พอถ่ายรายการเสร็จ เขาก็กลับกรุงเทพฯ คงไม่ได้มาเจอกับพี่เพลิงอีกหรอก” หลินพูดอย่างมั่นใจเต็มร้อย

ooooooo

ถ่ายรายการที่ตลาดเสร็จแล้ว น้ำฝนบอกโปรดิวเซอร์ว่าสต๊อกโรงงานที่ต้องถ่ายทำใหม่ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน เพราะวันนี้ตนต้องไปงานศพ

เมื่อน้ำฝนปรากฏตัวในงานศพพิภัช นิรุตบอกชนนท์ให้ไปรับน้ำฝนเข้ามา หลินมองอึ้งเดินเข้าไปถามน้ำฝนว่ารู้จักลุงพิภัชด้วยหรือ

“ไม่เคยเจอหรอก แต่พ่อแม่ฉันเคยติดต่องานกับลุงพิภัช ก็เลยได้ยินพ่อกับแม่พูดถึง” น้ำฝนชี้แจง

ชนนท์ขอพาน้ำฝนไปไหว้ผ่อง ทำให้หลินยิ่งแปลกใจว่าน้ำฝนรู้จักป้าผ่องด้วย ยิ่งร้อนใจรีบตามไปดู

นิรุตพาน้ำฝนไปแนะนำแก่ผ่องว่า พ่อแม่ของเธอเป็นลูกค้าที่บริษัทเพชรไทยตั้งแต่พิภัชยังทำงานอยู่ สองครอบครัวเราเลยสนิทกัน แล้วถามน้ำฝนว่าอาณัติไม่มาหรือ น้ำฝนแก้ต่างว่าอาณัติติดงานให้ตนมาแทน

“นอกจากครอบครัวน้ำฝนจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเราแล้ว น้ำฝนเองก็ยังสนิทกับครอบครัวเรา เพราะน้ำฝนเป็นแฟนกับพี่ณัติลูกชายของป้าบุษไงครับ” ชนนท์ชี้แจงเพิ่มเติม

หลินโล่งใจที่รู้ว่าน้ำฝนมีแฟนแล้ว เมื่อเพลิงมาเจอน้ำฝนเขาขอบคุณที่มางานศพพ่อ ต่างรู้สึกเป็นมิตรกันมากขึ้น

อาณัติบอกน้ำฝนว่าตนไม่มา แต่ที่แท้แอบวางแผนกับโปรดิวเซอร์จะมาทำเซอร์ไพรส์น้ำฝน จึงตามมาพร้อมช่อดอกไม้ พอรู้ว่าน้ำฝนไปงานศพพิภัช อาณัติรีบตามไปที่วัด

เพลิงเห็นน้ำฝนไปยืนรอรถขณะที่เขากับหลินกำลังแจกข้าวต้มแขกอยู่ จึงเดินมาทักว่าไม่กินข้าวต้มก่อนหรือ ทั้งสองยืนคุยกันอย่างมีไมตรีจิต หลินเห็นทนไม่ได้วานคนอื่นช่วยเสิร์ฟข้าวต้มแทน ถูกเฮงปรามว่า

“อยากสมัครเป็นสะใภ้อาผ่องเขาไม่ใช่เหรอ ขยันขันแข็งหน่อยสิวะ เร็วเข้าอาสาจะช่วยเขาแล้วจะเกี่ยงงานไม่ได้ไปๆๆ” เฮงคุมหลินไปเสิร์ฟข้าวต้มต่อ

ooooooo

น้ำฝนตะล่อมถามจนเพลิงเล่าเรื่องตนเอาหัวใจพ่อไปเปลี่ยนให้ทองตรา น้ำฝนพูดอย่างสะเทือนใจว่า

“คิดไม่ถึงเลยนะ ว่านายจะเป็นคนตัดสินใจมอบหัวใจของพ่อให้คุณยายทองตรา เป็นฉันคงตัดสินใจไม่ถูกแน่”

เพลิงตำหนิตัวเองว่าที่จริงไม่ควรบอกเรื่องนี้กับเธอ เพราะรับปากบุษกลไว้ ขอให้ช่วยปิดไว้เป็นความลับด้วย เพราะไม่อยากให้รู้ไปถึงหูคุณย่า

น้ำฝนฟังเพลิงเล่าแล้วขอโทษที่เป็นคนบีบเค้นให้เขาเล่าเรื่องนี้ และขอโทษที่เข้าใจเขาผิดตลอดมา เพลิงย้ำให้เธอช่วยเก็บเรื่องที่พ่อบริจาคหัวใจเป็นความลับด้วย

“ได้...ฉันสัญญาจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ” น้ำฝนนึกได้ถามว่าพรุ่งนี้เพลิงจะไปทำงานไหม ตนจะไปถ่ายสต๊อกที่โรงงานเราคงได้เจอกันอีก เพลิงพยักหน้ารับ ต่างยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกดีๆ

“ไอ้เพลิง!” อาณัติแอบดูอยู่กำหมัดทุบกำแพงอย่างแค้นใจ

อาณัติวางแผนที่จะทำลายเพลิง เขาไปดักน้ำฝนที่โรงแรมจนเธอกลับมาถึง เขาเอาช่อดอกไม้ให้ถามว่าไปไหนมา น้ำฝนบอกว่าไปงานศพลุงพิภัชมา และขอโทษที่ไม่ได้บอกเขาก่อน อาณัติทำหน้าหนักใจพึมพำว่า “น้ำฝนแปลกใจไหม ที่พี่กับคุณแม่ไม่ได้มาร่วมงานศพลุงพิภัช”

แล้วการปั้นน้ำเป็นตัวใส่ร้ายเพลิงก็พรั่งพรูออกจากปากอาณัติด้วยสีหน้าที่จริงจังและแสดงความชิงชังเคียดแค้น เขาเล่าให้น้ำฝนฟังว่า เพลิงขายหัวใจของพ่อตัวเองแก่คุณย่าด้วยเงินหนึ่งล้านบาท

น้ำฝนอึ้งถามอย่างไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือ

“มันกับแม่รวมหัวกันทำตัวให้ดูน่าสงสารจนหลอกน้ารุตกับไอ้นนท์ได้สำเร็จ แม่พี่เห็นแก่ลุงพิภัชเลยเก็บเรื่องที่มันขายหัวใจพ่อมันเป็นความลับไม่ยอมบอกใครเลย ความจริงพี่ก็ไม่อยากบอกน้ำฝนหรอกนะ แต่พี่กลัวน้ำฝนจะโดนมันหลอกอีกคน”

เป่าหูจนน้ำฝนสับสนแล้ว อาณัติยิ้มสะใจที่ได้ใส่ไฟเพลิง

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น อาณัติไปดักเพลิงที่หน้าโรงงาน พอเพลิงลงจากรถจะเข้าโรงงานก็ตรงเข้าไปขวางบอกเพลิงว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย เพลิงจึงพาเดินอ้อมไปทางข้างโรงงาน

อาณัติปรามเพลิงว่าไม่ชอบให้เขามาตีสนิทกับแฟนตน อยากให้อยู่ห่างๆน้ำฝนเอาไว้ เพลิงบอกว่าตนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับน้ำฝน ขอให้เขากลับบ้านไปนอนหลับสบายได้เลย เพลิงจะเดินไปอาณัติขวางไว้อีกตะคอกว่า

“ฉันรู้ว่าแกอยากขโมยน้ำฝนไปจากฉัน แกก็เหมือนกับแม่แกนั่นแหละที่ขโมยลุงพิภัชไปจากคุณยาย แม่แกทำให้คุณยายตรอมใจจนต้องเป็นแบบนี้!”

น้ำฝนเพิ่งมาถึง เห็นรถของเพลิงก็จำได้ สมองยังคิดสับสนกับเรื่องที่ฟังจากอาณัติ โปรดิวเซอร์มองน้ำฝนอย่างมีเลศนัยแล้วรีบไปบอกว่าเห็นรถอาณัติอยู่ที่นี่ เท่านั้นไม่พอชี้ให้น้ำฝนดูอาณัติที่ยืนคุยกับเพลิงด้วย

“จัดการถ่ายสต๊อกโรงงานคร่าวๆไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” พูดแล้วน้ำฝนรีบเดินไป

“ได้ค่ะ” โปรดิวเซอร์รับคำ ล้วงเงินสองพันในกระเป๋าออกมาดูแล้วยิ้มกับงานง่ายๆนี้

ooooooo

อาณัติยังกล่าวหาเพลิงอย่างเหยียดหยันว่าคงรอว่าเมื่อไรคุณยายจะเป็นอะไรไป จะได้ฉวยโอกาสอ้างความเป็นหลานเข้ามาเสวยสุขที่บ้านปางพญา

แม้เพลิงจะบอกว่าเราต่างคนต่างอยู่อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ให้เสียเวลาเลย อาณัติก็ยังพูดไม่หยุด หันไปเห็นน้ำฝนกำลังเดินมาก็กระชากคอเสื้อเพลิงเข้าไปด่าหาว่าเพลิงคิดจะฮุบสมบัติของคุณยาย ไม่คิดเลยว่าคนที่มีเลือดชาตโยธินอย่างเขาจะคิดอะไรสกปรกอย่างนี้ได้

น้ำฝนเดินมาได้ยินพอดี เธอชะงักฟัง...

อาณัติรู้ว่าน้ำฝนยืนฟังอยู่ เขายิ่งใส่ร้ายป้ายสีเพลิงว่าทำร้ายทองตราและหวังจะฮุบสมบัติของชาตโยธิน ซ้ำยังไม่เห็นเพลิงมีทีท่าจะตอบโต้ จนกระทั่งอาณัติด่าเบาๆ แค่ได้ยินกันสองคนว่า

“ไหนๆพ่อแกก็ตายไปแล้ว แม่แกคิดจะจับน้ารุต ต่อหรือเปล่า เป็นหม้ายทั้งคู่อาจจะถูกใจกันก็ได้นะ”

“ไอ้ชาติชั่ว!!” เพลิงสุดจะทนชกอาณัติล้มลง น้ำฝน พุ่งเข้าไปห้าม ประคองอาณัติขึ้นมาถามอย่างเป็นห่วงทั้งยังหันไปด่าเพลิงเพราะเชื่อที่อาณัติพูด แม้เพลิงจะพยายามชี้แจง แต่เธอไม่ฟังทั้งยังสาปส่งว่าต่อไปไม่ต้องมาเห็นหน้ากันอีก เพราะตนจะไม่เหยียบมาที่นี่อีกแล้ว พลางเดินผละไป

“อย่าคิดฝันต่อกรกับฉัน เพราะแกจะมีแต่แพ้กับแพ้ ฉันจะเป็นเจ้าของทุกอย่าง ทั้งน้ำฝน...แล้วก็มรดกของคุณยาย” อาณัติพูดใส่หน้าเพลิงแล้วเดินตามน้ำฝนไป

ooooooo

ที่มา ไทยรัฐ

No comments:

Post a Comment