Wednesday, July 6, 2011

เพลิงทระนง ตอนที่ 5

คืนนี้ สำอางเอาซุปงาดำไปให้ทองตราที่ห้องนอน พอตักเข้าปากทองตราชะงักถามว่าใครทำ สำอางบอกว่าคุณผ่องแผ้วทำ ทองตราทำหน้านึกพึมพำ “รสมือเหมือนกับ...”

“เหมือนสมัยก่อนที่คุณพิภัชเข้าครัวทำให้คุณท่านทาน...

แกคงได้สูตรกันมาน่ะค่ะ”

“เอาออกไปฉันไม่กิน” ทองตราชักสีหน้า เลื่อนโต๊ะอาหารออกไป สำอางถอนใจก่อนตัดสินใจพูด

“อิฉันอยากให้คุณท่านถามใจตัวเองสักหน่อยว่าทำไมถึงต้องทำใจแข็งกับคุณเพลิน คุณผ่องแผ้ว ทั้งที่เขาก็สำนึกผิดและตั้งใจมาขอโทษคุณท่านแล้ว...คุณท่านให้อภัยเขาสองคนเถอะนะเจ้าคะ อย่าทิฐิอีกเลย”

ทองตราไม่พูด แต่นิ่งไปครู่หนึ่ง สั่งสำอางว่า “ตามผ่องแผ้วขึ้นมาพบฉัน”

เมื่อผ่องขึ้นมานั่งนอบน้อมเจียมตัวอยู่ตรงหน้ารถเข็น ทองตราพูดเชิงประชดว่า ดูท่าทางสองแม่ลูกอยากรับใช้ตนเหลือเกิน บอกว่า

“บอกตามตรง ฉันยังไม่เชื่อใจเจตนาของเธอสองคนแม่ลูก แต่ในเมื่อเธออยากอยู่รับใช้ฉัน ฉันก็จะให้เธอได้สมใจ ต่อจากนี้เธอมาช่วยสำอางคอยอยู่รับใช้ฉันในเรือนใหญ่ เธอต้องหยิบจับงานทุกอย่างที่พอจะทำได้”

สำอางติงว่าเด็กรับใช้ในเรือนใหญ่ก็มีมากพอแล้ว ถูกทองตราปรามให้เงียบ แล้วพูดกับผ่องต่อ
“การจะมาเป็นสะใภ้ของชาตโยธินน่ะมันไม่ง่ายหรอก ฉันให้เธอเป็นได้แค่คนรับใช้ ยอมทำไหม”
เมื่อผ่องบอกว่าตนยอมทำทุกอย่างที่คุณหญิงสั่ง ทอง-ตราพูดอย่างตราหน้าว่า

“ดี แล้วฉันจะดูว่าเธอจะทนไปได้สักกี่น้ำ...ออกไปได้แล้ว”

ผ่องคลานเข่าออกห่างแล้วจึงลุกเดินไป สำอางมองตามอย่างเห็นใจ ในขณะที่ทองตราทำใจแข็งมองเมินไปทางอื่นเหมือนไม่แยแส

Ooooooo

เพลิงมาส่งน้ำฝนที่คอนโดฯ สิตาคอยรับน้องอยู่ด้วยความเป็นห่วง เห็นน้องเปียกปอนซ้ำยังเดินไม่ถนัดถามว่าไปโดนอะไรมา

น้ำฝนโทษว่าเพลิงเรื่องมากเลยทำให้ตนเป็นอย่างนี้ แล้วหันไล่เพลิงให้กลับไปได้แล้ว แต่สิตาเห็นเพลิงเปียก เรียกเขาให้ขึ้นข้างบนก่อน น้ำฝนเรียกพี่สาวทำหน้าไม่ชอบใจ เพลิงจึงจะกลับ

“คุณเพลิงอุตส่าห์ขับรถมาส่งจะให้กลับในสภาพแบบนี้คงไม่ดี ถ้าคุณเพลิงไม่สบายขึ้นมาทางเราคงไม่สบายใจ

อย่าเพิ่งกลับเลยนะคะ สิตาขอร้อง”

เมื่อเพลิงตามขึ้นไปข้างบน สิตาบอกให้เขาอาบน้ำก่อน ขืนกลับไปแบบนี้กว่าจะถึงบ้านเดี๋ยวไม่สบายแน่ บอกให้เขาเอาเสื้อผ้าใส่ตะกร้าไว้เดี๋ยวตนจะเอาไปซักอบให้ไม่เกินชั่วโมงก็คงเสร็จ

เพลิงพูดอย่างเกรงใจว่าเดี๋ยวตนจัดการเองดีกว่า สิตาจึงบอกทางไปห้องซักรีดให้ เดี๋ยวตนจะเตรียมอะไรร้อนๆให้ทาน พลางยื่นผ้าขนหนูและเสื้อคลุมอาบน้ำให้เพลิงก่อนแยกกันไป

น้ำฝนนอนแช่น้ำอุ่นแล้วรู้สึกข้อเท้าดีขึ้น จึงเอาตะกร้าผ้าชุดที่เปียกเดินออกจากห้อง ผ่านครัวเล็กๆที่สิตากำลังทำข้าวต้มให้เพลิงอยู่ แต่สิตาไม่เห็นน้องเดินผ่านไป

Ooooooo

เพลิงใส่ชุดคลุมอาบน้ำยืนรออยู่หน้าเครื่องอบผ้า เมื่อสัญญาณดังขึ้น เขาเปิดฝาหยิบเสื้อออกมาสะบัดเตรียมจะถอดเสื้อคลุม ก็พอดีน้ำฝนเข้ามาเห็น เธอตกใจปล่อยตะกร้าผ้าซักกระแทกเท้าที่เจ็บจนร้องโอ๊ย

“คุณน้ำฝนเป็นอะไรรึเปล่า” เพลิงตกใจจะเข้าไปช่วย กลับถูกน้ำฝนร้องห้ามมาแตะต้องตัว ซ้ำยังด่าว่า กล้ายังไงมาทำทุเรศแบบนี้ในบ้านตน ด่าว่าลามกโรคจิต

เพลิงไม่ยอมให้ด่าผิดๆ แต่พอชี้แจงก็ถูกน้ำฝนไล่ออกจากบ้านตนไปเลย เพลิงบอกว่าเธอนั่นแหละออกไป เพราะตนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วแกล้งทำท่าจะถอดเสื้อคลุม น้ำฝนรีบออกไปแทบไม่ทัน



สิตาทำข้าวต้มเสร็จตักยกมาให้เพลิงที่โต๊ะอาหาร นั่งดูเพลิงกินจนหมดถามว่า จะเติมอีกไหม เพลิงบอกว่าพอแล้วและขอตัวกลับ สิตาจะชงกาแฟให้อีกสักถ้วยก็ถูกน้ำฝนตัดบทว่า เขาอยากกลับก็ให้กลับไปยิ่งอยู่นานก็ยิ่งหงุดหงิด

“งั้นสิตาจะโทร.บอกให้ลีมูซีนของคอนโดฯไปส่งนะคะ” พูดแล้วลุกเดินนำเพลิงไป น้ำฝนมองตามพึมพำอย่างขวางหูขวางตาว่า

“คนอย่างนายหลอกพี่สิตาได้ แต่หลอกฉันไม่ได้หรอก”

Ooooooo

เมื่อได้ข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจนแล้ว นิรุตสั่งพักงานยามหน้าห้องฝังฐานมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเวลาทำงาน เมื่ออาณัติรู้ถามว่า ไปทำพิรุธให้เขาจับได้ หรือเปล่า

ยามปฏิเสธว่าไม่มี อาณัติหน้าเครียดรับปากว่าเรื่องเงินทองไม่ต้องห่วง ตนจะดูแลเอง ช่วงนี้ให้เก็บตัวเงียบๆไปก่อน แล้วบอกให้รีบออกจากห้องตนไปเสีย เดี๋ยวใครจะสงสัยตนขึ้นมา

เมื่อยามออกไปแล้ว อาณัติโทรศัพท์คุยกับไพโรจน์ขอหยุดงานที่รับไว้ชั่วคราวก่อน รอให้แน่ใจว่าไม่มีใครสงสัยตนแล้วค่อยคุยกันใหม่

“ปอดแหกอะไรขึ้นมาตอนนี้ก็ไม่รู้ กำลังขาขึ้นแท้ๆ” ไพโรจน์วางโทรศัพท์แล้วบ่นอย่างหัวเสีย
วางสายจากไพโรจน์แล้ว อาณัติได้รับโทรศัพท์จากน้ำฝนนัดไปพบกันที่ห้องทำงาน เพราะมีเรื่องสำคัญไม่สะดวกที่จะคุยทางโทรศัพท์

เมื่อพบกัน น้ำฝนฟ้องอาณัติเรื่องที่หาว่าเพลิงเป็นขโมย คิดจะงุบงิบต่างหูเพชรของตนที่เก็บได้ อาณัติผสมโรงปั้นน้ำเป็นตัวว่า เคยเห็นเพลิงไปด้อมๆมองๆแถวบ้านเหมือนกัน น้ำฝนตกใจถามว่าจะทำอย่างไรดี ขืนพูดโดยไม่มีหลักฐานเพลิงต้องไม่ยอมรับแน่ ซ้ำจะหาว่าเราไปกล่าวหาอีก

“สันดานโจรน่ะมันแก้ไม่หายหรอก พี่ว่าเอาเข้าจริงเราต้องเจอหลักฐานที่จะแฉมันได้ แต่พี่ต้องขอให้น้ำฝนไปเป็นพยานกับคุณยายด้วย คุณยายจะได้เห็นธาตุแท้ของหลานชายคนใหม่เสียที”

อาณัติวางแผนใช้น้ำฝนเป็นเครื่องมือ แล้วโทร.ไปหานาฎนรีถามว่าอยู่บ้านใช่ไหม ตนมีงานบางอย่างจะให้ช่วย

อาณัติวางแผนให้นาฎนารีเอาแหวนเพชรของตัวเองไปซ่อนไว้ใต้ฟูกของเพลิง โดยมีบุษกลคอยดูต้นทางให้ เสร็จแล้วสองแม่ลูกพากันออกจากห้องนอนเพลิงอย่างสะใจนัก!

แต่สองแม่ลูกหารู้ไม่ว่า ระหว่างนั้นมีสายตาคู่หนึ่งเห็นการกระทำทั้งหมดนั้นแล้ว!

Ooooooo

ด้วยความประทับใจความมีเมตตาอ่อนโยนของสิตาที่ทำแผลให้เด็กหญิงลูกชาวประมง ทั้งยังเอาผ้าพันคอของตัวเองพันแผลให้เด็ก วันนี้ชนนท์จึงไปเดินหาซื้อผ้าพันคอแล้วเอาไปให้เธอที่คอนโดฯ

สิตาขอบคุณแต่เขาไม่น่าลำบากเลย ชนนท์พูดอย่างชื่นชมว่าในเมื่อเธอมีน้ำใจให้เด็กเธอก็ควรได้รับสิ่งดีๆ ตอบแทน ถามว่าชอบไหม

“ชอบสิคะ แล้วคุณนนท์รู้ไหมคะว่าสีนี้น่ะสีโปรดของคุณแม่เลย”

ชนนท์หน้าเสียแล้วก็ยิ่งหน้าเจื่อนเมื่อสิตาถามว่า จะว่าไหมถ้าตนจะให้คุณแม่ใช้บ้าง ชนนท์ฝืนใจบอกว่าแล้วแต่เพราะตนให้เธอแล้ว

“ขอบคุณค่ะคุณนนท์ เย็นนี้คุณแม่จะขึ้นมาจากภูเก็ต สิตาจะต้องอวดคุณแม่เสียหน่อยแล้ว”

ตกกลางคืนสิตาเอาผ้าพันคอผืนนั้นไปให้แม้นมาศ ผู้เป็นแม่ติงว่าชนนท์ตั้งใจซื้อให้ลูกแล้วเอามาให้แม่ใช้เขาจะเสียน้ำใจแย่ สิตาเชื่อว่าเขาไม่คิดเพราะเราเป็นลูกค้าวีไอพีของเพชรไทย คุณแม่ใช้หรือตนใช้ก็เหมือนกัน เธอพูด

เสียจนแม้นมาศอดถามไม่ได้ว่า “แน่ใจนะว่าชนนท์เขาไม่ได้มาจีบสิตา”

“โธ่...คุณแม่คะ สิตากับคุณนนท์รู้จักกันมาหลายปีแล้วนะคะ ถ้าจะจีบสิตาเขาคงจีบไปนานแล้ว” สิตารับรองกับแม่ว่าไม่มีเรื่องนี้แน่นอน แม้นมาศมองผ้าพันคอในมือแล้วก็ยังอดคิดสงสัยไม่ได้
Ooooooo

คืนนี้เอง หน่อยก็ไปตามเพลิงที่เรือนคนสวนบอกว่า บุษกลให้ไปพบที่เรือนใหญ่


บุษกลถามเพลิงว่า แหวนเพชรของนาฎนรีหายเขาเห็นบ้างไหม เพลิงบอกว่าไม่เห็น อาณัติแทรกขึ้นว่า ตอนแรกตนก็คิดว่าน้องไปทำตกที่ไหน แต่พอได้คุยกับน้ำฝนแล้วก็อดสงสัยเขาไม่ได้ เพลิงมองน้ำฝนเชิงถาม น้ำฝนจึงบอกว่าตนเล่าให้อาณัติฟังเรื่องที่ไปพบเขาที่โรงงานคืนนั้น

“ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมอยู่เรียนงานกับหัวหน้า” เพลิงชี้แจงอีกครั้งก็ยังถูกน้ำฝนตั้งข้อสงสัยว่าเห็นเขาอยู่คนเดียว ทองตราตัดบทว่าอย่ามัวเถียงกันอยู่เลย อยากทำอะไรก็รีบจัดการเสียจะได้แยกย้ายกันไปเสียที

“ผมยินดีให้พวกคุณค้นบ้านถ้าต้องการ” เพลิงเอ่ย บุษกลบอกนาฎนรีว่า ให้คุณยายไปด้วยจะได้เป็นพยาน แต่ทองตราไม่ไปเพราะจะขึ้นไปไหว้พระ ทั้งยังบอกว่า
“จะไปทำไม ยังไงฉันก็เชื่อว่านรีจะต้องได้แหวนคืน”

แม้บุษกลกับนาฎนรีและอาณัติจะไม่ชอบใจ แต่เมื่อทองตรายืนกรานไม่ไป สามแม่ลูกจึงไปกับเพลิง

นาฎนรีกับอาณัติทำทีค้นที่อื่นจนข้าวของกระจุยกระจาย แต่ไม่เจอก็ชวนกันเข้าไปค้นที่ห้องนอนเพลิง ทำเป็นค้นที่อื่นครู่ใหญ่จึงมาค้นที่เตียงนอน แต่พอยกฟูกดูไม่เห็นแหวน นาฎนรีตกใจว่ามันหายไปไหน ค้นใต้เตียงก็ไม่เจอเริ่มเอะใจ มองหน้าบุษกลกับอาณัติ

บุษกลเห็นลูกเริ่มตื่นตกใจก็จับแขนเตือนสติถามเบาๆว่า ไปทำตกที่อื่นหรือเปล่า นาฎนรียืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะแหวนวงนี้ตนใส่ติดนิ้วตลอดเวลา

ทันใดนั้น สำอางถือแหวนยื่นมาถามว่าใช่แหวนวงนี้หรือเปล่านาฎนรีดีใจมากรีบบอกว่าใช่ ตนใจหายหมดเลย สำอางพูดเป็นนัยว่า เพิ่งจะใจหายตอนนี้ความรู้สึกไม่ช้าไปหน่อยหรือ บุษกลถามว่าไปเจอได้ยังไง พลางจ้องหน้าสำอางอย่างจับผิด

“เห็นมันตกอยู่ที่สนามหญ้าน่ะค่ะ ตอนแรกนึกว่าใครจงใจมาทำตกไว้ให้อีฉันหาเจอเสียอีก”

บุษกลกลัวความแตก เลยกลบเกลื่อนตัดบทว่าเจอก็ดีแล้ว หันไปขอบใจผ่องที่ให้มาค้นในบ้าน ทำเป็นเกรงใจว่าพวกเรามาทำให้บ้านวุ่นวายไปหมด

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันกับลูกช่วยกันจัดใหม่ได้ ถือว่าโชคดีแล้วล่ะค่ะที่คุณนรีได้ของคืน” ผ่องพาซื่อ

จึงกลายเป็นเรื่องที่หลายคนต่างมองหน้ากันอย่างสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่

น้ำฝนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรกับใคร อดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อแหวนติดนิ้วนาฎนรีตลอดเวลา แล้วไปตกที่สนามได้ยังไง อาณัติแก้ต่างแทนน้องว่า บางทีเพลิงอาจเป็นคนเอาไปทิ้งที่สนามเพื่อปัดผิดให้พ้นตัวก็ได้ เพราะคนคนนี้ร้ายกาจกว่าที่เราคิดไว้เยอะ

“ก็คงเป็นอย่างพี่ณัติว่า” น้ำฝนหูเบาถูกอาณัติเป่าหูอีกว่าถึงได้แหวนคืนตนก็ยังไม่ไว้ใจเพลิงอยู่ดี ขอให้น้ำฝนช่วยเป็นหูเป็นตาให้ด้วย “ถ้ามีอะไรให้น้ำฝนช่วยก็บอกนะคะพี่ณัติไม่ต้องเกรงใจ”

อาณัติปากหวานว่า เพราะน้ำฝนดีอย่างนี้นี่เองถึงทำให้ตนรักมากขึ้นทุกวัน และจะหอมแก้มเธอ น้ำฝนรีบเบี่ยงหลบกลัวใครมาเห็น อาณัติอ้อนอ่อนหวานว่า “ไม่เห็นเป็นไร ก็เราเป็นคู่หมั้นกัน”

“น้ำฝนกลับก่อนนะคะ” น้ำฝนรีบขึ้นรถขับออกไป อาณัติมองตามแล้วกำมือฮึดฮัดที่แผนล้มเหลว

Ooooooo

สำอางขึ้นไปหาทองตราที่ห้องพระ ทองตราถามว่าคืนแหวนให้นรีแล้วใช่ไหม

“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะคุณท่าน...โชคดีของคุณเพลิงที่อิฉันไปเห็นคุณบุษกับคุณนรีทำลับๆล่อๆอยู่แถวบ้านสวนเสียก่อน ไม่งั้นทั้งสองคนก็คงไม่รู้จะแก้ตัวยังไง”

สำอางเล่าถึงตอนที่ตนเห็นบุษกลกับนาฎนรีทำท่าพิรุธตามไปดูจึงเห็นทุกอย่างตามที่เล่ามา

“นี่ถ้าแผนของคุณบุษสำเร็จ คนดีๆอย่างคุณเพลิงคงต้องแย่แน่ๆ”

“ยัยบุษกับลูกก็ร้ายจริงๆ แต่ถึงยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่ได้พิสูจน์ว่า เพลิงเป็นคนดีหรอกนะ ครั้งนี้เขาโดนใส่ร้าย แต่ก็ไม่แน่ ครั้งหน้าถ้าสบโอกาสเขาอาจจะกล้าทำอะไรที่เลวร้ายก็ได้”

“สรุปว่าคุณท่านยังไม่ใจอ่อนอยู่ดีใช่ไหมเจ้าคะ”

“เพลิงจะเป็นเพชรแท้รึเปล่า ฉันคงต้องดูต่อไป” ทองตรายังสีหน้าขรึม จนสำอางหนักใจแทนเพลิง

ที่มา ไทยรัฐ

No comments:

Post a Comment